Thursday 14 December 2006

Teru no Uta PV (Gedo Senki Main Theme)



Yuuyami semaru kumo no ue itsumo ichiwa de tonde iru
Taka wa kitto kanashikarou
Oto mo todaeta kaze no naka sora wo tsukanda sono tsubasa
Yasumeru koto wa dekinakute

Kokoro wo nani ni tatoeyou taka no youna kono kokoro
Kokoro wo nani ni tatoeyou sora wo mauyona kanashisa wo

Ame no sobo furu iwakege ni itsumo chiisaku saite iru
Hana wa kitto setsunakarou
Iro mo kasunda ame no naka usumomo iro no hanabira wo
Medete kureru te mo nakute

Kokoro wo nani ni tatoeyou hana no youna kono kokoro
Kokoro wo nani ni tatoeyou ame ni utareru setsunasa wo

Hitokage taeta no no michi wo watashi to tomo ni ayunderu
Anata mo kitto samishikarou
Mushi no sasayaku kusahara wo tomo ni michiyuku hito dakedo
Taete mono iu koto mo naku

Kokoro wo nani ni tatoeyou hitori michiyuku kono kokoro
Kokoro wo nani ni tatoeyou hitori bocchi no samishisa wo


เป็นเพลงจาก เกโด เซนกิ การ์ตูนจอเงินเรื่องใหม่ของค่ายจิบิครับ

เพราะมาก.....ใครอยากได้เพลงไปฟังในเครื่อง กดนี่ครับ

ส่วนคำแปล อังกฤษไปที่นี่เลยครับ

ป.ล.หนังเนี่ยไม่อยากจะพูด.....ห่วยมาก ไม่สนุกเลยอ่ะ

ขอบอกว่าตั้งแต่รู้ว่ามันโดนไอ้มิกกี้เมาส์ซื้อไปก็หวั่นอยู่แล้ว พอเจองี้...เซ็งเรย

Tuesday 5 December 2006

ในหลวงของฉัน



วันนี้วันที่ 5 ธันวาคม
วันที่สำคัญมากกว่าวันไหนๆ บนปฏิทินไทย
เพราะเป็น "วันพระราชสมภพของในหลวง" ของพวกเราชาวไทยทุกคนนี่เอง

อยากให้มีคนทำหนังเกี่ยวกับในหลวง เหมือนหนังเรื่อง the passion มากๆ
อยากให้คนที่ไม่ใช่คนไทย รับรู้ถึงการมีอยู่ของในหลวงของเรา
รับรู้ถึงการมีอยู่ของ บุคคลผู้เสียสละที่สุดคนหนึ่งของโลก

"ขอทรงจงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน"

ป.ล.คำราชาศัพท์ของวันเกิดคือ พระราชสมภพ แล้วประสูติเนี่ย...เป็นราชาศัพท์ด้วยเปล่าหว่า?
ป.ล.2.ที่ในหลวงให้ผันน้ำเข้าที่ดินส่วนพระองค์เนี่ยสุดยอดมากๆ...คนกรุงเทพซึ้งกันบ้างเปล่าเนี่ย
รัฐบาลก็ดีแต่เต้นเร่าๆ เรียกร้องให้จังหวัดรอบข้างยอมรับการผันน้ำ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ทำไรเลย ทุเรศมาก...

Tuesday 28 November 2006

คุณค่าของ "เวลา"

ทุกคนต่างสอนเราว่า เวลามีค่า
แต่ทุกคนไม่เคยสอนเราเลยว่า...เพราะเหตุใดมันจึงเป็นเช่นนั้น

พอถึงวันหนึ่ง เราก็ได้เข้าใจด้วยตัวเองว่า
เวลามีค่ามากมาย...
ในวันที่เราจะจากใครสักคนไป

"เพราะเราพบกันเพียงเพื่อน...จะจาก
เวลาที่ใช้ร่วมกัน จึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุด


แด่...เวลาดีๆ ในวันเก่าๆ

Tuesday 14 November 2006

สำคัญตน

4shot-01

"Most of the trouble in the world is caused
by people wanting to be important"


.....................................................................................................
รูปนี้ถ่ายตอนไปปีนเขากับพี่ออยย์...นานแล้วล่ะ
เอากล้องของเล่น รุ่นสี่ตาไปลองมาด้วยพอดี

ถ่ายยากมากๆ รูปนี้สวยที่สุดในม้วนแ้ล้ว
และเขาว่ากันว่า มันเหมาะกับถ่ายแถวๆ ทะเลมากๆ
ก็พอจะเข้าใจเหตุผลแล้ว...เพราะว่า รูรับแสง กับสปีดมันไวมากๆ

ถ้าถ่ายในที่ครึ้มๆ ไปถึงมืดๆเนี่ย จะดำปี๋หรี๋เลย
รูปนี้ขนาดแสงแบบสว่างๆ ก็ยังทะมึนๆ มาได้
มหัศจรรย์ใจ ข้าพเจ้ามากๆ

ป.ล. บางครั้ง มันก็เป็นเรื่องยาก...กับแค่การมั่นใจ ในความคิดของตัวเองสักเรื่องนึง

Monday 6 November 2006

เรื่องของความอยาก...

products


โทรศัทพ์เครื่องใหม่ของเราเอง
ไปซื้อเพราะคิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่า...มันถูก

แต่พอคิดดีๆ เสียค่าอย่างอื่นนู่นนี่มากมาย...ที่เกี่ยวกับมันแบบอ้อมๆ
และเสียเส้นมากๆตรงที่...มันใช้เมลล์เหมือนมือถือธรรมดาของญี่ปุ่นไม่ได้
เนื่องจากความที่มัน...ไฮโซเกินเหตุ!

แต่ไม่เป็นไร เพราะโปรโทรฟรีเครือข่ายเดียวกันสองปี
ก็พอขลุกขลิก ทดแทนกันได้ อีกทั้งยังได้เครื่องในราคาถูกกว่าครึ่ง
ถ้าเทียบกับการซื้อในประเทศอื่น (สองหมื่นกว่า ตูจ่ายแค่ห้าพันกว่าเองเหอๆ)

สุขใจไหนเล่า จะเท่านี้...
(พยายามปลอบใจตัวเองกับค่าโอนเบอร์
และค่าปิดโปรโทรศัพท์เก่า ห้าพันกว่าเยน...)

ข่าวดีคือ มันแก้อีมี่ได้ ทำให้เป็นภาษาอังกฤษก็ได้(ดูจากเว็ับต่างประเทศ)
ข่าวร้ายคือ ไม่รู้ว่าช่างเมืองไทยจะแก้ได้หรือเปล่า...
ข่าวร้ายกว่าคือ ต้องรออีกปีครึ่งถึงจะเอาไปแก้ เพราะว่ายังต้องใช้ในญี่ปุ่นอีกง่ะ...

รายละเอียด Softbank X01HT

ป.ล. แต่มันสุดยอดจริงๆ นะ...
ป.ล.2 เริ่มเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงเวลาเจอป้าย "SALE" ซะแล้วล่ะ -_-"

Friday 27 October 2006

ห่างเพียงกาย...แต่ใจเราผูกพัน

การที่ชีวิตเรา ต้องพบกับผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา
ในโอกาส และเวลาต่างๆ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่ง

แต่ในหลายครั้ง เรากลับอยากจะให้คนบางคน
ที่ผ่านเข้ามานั้น ไม่ผ่านไป

เราเอง คิดแบบนั้นค่อนข้างบ่อย
และเชื่อด้วยว่า มันไม่ยากที่จะเกิดขึ้น
เพราะการที่คนเราจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อใครสักคนนึง
มันเป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นได้ยากเรื่องนึงทีเดียว

ถ้าเราพัฒนา ความสัมพันธ์ไปได้ด้วยดี
ก็จะทำให้เราอยู่ในวงโคจรเดียวกัน และไม่จากกันไปง่ายๆ

แต่หลายครั้ง เราก็ต้อง ผิดหวังและเสียใจ
กับการที่เขาก้าวเดินไป ในคนละเส้นทางกับเรา

ถึงตอนนี้...เราก็เริ่มจะเข้าว่าทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น
ไม่ใช่เพราะ ใครไม่ดีแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะ การที่จะมาเป็นอะไรที่มากกว่าคนรู้จัก
การที่จะมาเป็นคนที่อยู่ใน วงโคจรเดียวกันได้นั้น

มันต้องประกอบด้วย โอกาส เวลา
และที่สำคัญที่สุดคือ.....ความคิด

กับการที่ต้องจาก บางทีมันก็ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจ
เพราะมันไม่ใช่ ตอนจบของเรื่อง กับหลายๆคนนั้น

"เราจากกัน...เพื่อจะมาพบกันใหม่"

ก็เท่านั้นเอง


แด่.....ในวันที่เรายังคงนึกถึงกัน

ป.ล.คิดถึงคนหลายคนมากช่วงนี้ ยิ่งตอนฟังเพลง "พรุ่งนี้" ของโลโซ T-T
ป.ล.2เราจะได้เจอคนคนที่เรียกว่า ส่วนหนึ่งในชีวิตของเราได้อย่างไร
ถ้ามีเงื่อนไขที่ว่า คนๆนั้น ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกัน?

Friday 20 October 2006

ซ้ำเติม

เมื่อเห็นคนอกหัก ซึมเศร้า
เหงาหงอย จะกระทั่ง...คิดสั้น

เราก็มักจะตั้งคำถามที่ว่า "ทำไมถึงต้องซ้ำเติมตัวเอง"

แต่หากเรามองให้ลึกกว่าเดิม
เราก็จะนึกได้ว่า ไม่ใช่แค่ความรู้สึกด้านลบหรอก
ที่ทำให้คนเรา "อยากถูกซ้ำเติม"
แม้กระทั่งความรู้สึกด้านบวกที่รุนแรง
ก็ทำให้เรา อยากซ้ำเติมตัวเองได้ไหมกัน

หลายครั้งที่เราไปคาราโอเกะ แหกปก แหกคอ
หลายครั้งที่เราไปปาร์ตี้ เมาเละเมาเทะ
หลายครั้งที่เราฉลอง แล้วกินจนแบบ ไม่รู้ว่าเอาไปไว้ตรงไหน
หลายครั้งที่เป็นแบบนั้น อาจะเพียงแค่เพราะ...

ได้บรรจุงานใหม่ที่เราชอบ เอนท์ติด ได้เจอเพื่อนที่ไม่เจอมานาน
ได้โบนัสก้อนแรก ได้แต่งงาน...ฯลฯ
ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องดี ที่เราอยาก "ซ้ำเติม"

แต่ในเรื่องแย่ที่พบเจอ การซ้ำเติม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นอกจากการซ้ำเติมเรื่องแย่...มันไม่น่ามองเท่านั้นเอง

เรื่องอกหัก...คงเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต ของใครหลายคน
การซ้ำเติมตัวเอง หลายครั้ง มันก็ช่วยให้รู้สึกดีเหมือนกัน

แต่อย่าไปไกลเกินไป...ก็พอ

แด่.....เพลงเศร้า กับน้ำตา

ป.ล.วันนี้เตรียมงาน นิทรรศการที่โรงเรียนเหนื่อยมาก...
ไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่วุ่นวาย แล้วเหนื่อยได้ไงก็ไม่รู้
ป.ล.2 ทั้งๆที่ลืมไปแล้ว ทั้งๆเลิกเจ็บมานานแล้ว
บางทีเพลงเศร้าเพลงเก่า หวนเข้ามา มันก็ทำให้ชาๆขึ้นมาเหมือนกัน

Thursday 19 October 2006

การมีชีวิต เพื่อกันและกัน



เป็นจริงเรื่องเกี่ยวกับ
พ่อลูกคู่หนึ่ง ที่ได้รับรางวัล "พ่อดีเด่น" ในปีนี้

อาจจะฟังดูธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาเลย
ถ้ารู้ว่า พ่อคนนี้ ทำทุกอย่างเพื่อลูกที่...เป็นคนพิการ

เดี่ยวเล่าประวัติให้ฟังคร่าวๆ
ลูกที่ชื่อริคพิการในช่วงแรกเกิด ด้วยสาเหตุบางอย่าง
ซึ่งหมอบอกกับพ่อชื่อดิคว่า "เขาจะเป็นผัก"
แต่พ่อก็ยังยืนยังว่าจะเลี้ยงดูเขาเอง ต่อมาดิคได้รู้ว่า
ลูกตัวเองไม่ได้สมองพิการ เพราะเขาตอบสนอง
ต่อการเคลื่อนไหวของดิค อยู่ตลอด เพียงแต่พูดสื่อสารกันไม่ได้

พอสิบเอ็ดขวบ ดิคเริ่มแน่ใจว่าลูกไม่ได้พิการทางสมอง
จึงไปพบแพทย์เพื่อให้ช่วยเขาได้สื่อสารกับลูกเขา
แต่แพทย์กับบอกเขาว่า "เป็นไปไม่ได้" เพราะสมองเขาใช้การไม่ได้
ดิคจึงให้แพทย์ทดสอบด้วยการ ให้เล่าเรื่องตลก
ปรากฏว่า ริคหัวเราะ...ทีมแพทย์จึงได้ช่วยสร้างเครื่องมือที่ทำให้เขา
สื่อสารกับลูกได้ในที่สุด

หลังจากนั้น ริคกับดิค ได้มีความคิดที่จะ ทำอะไรบางอย่างร่วมกัน
นั่นคือ "การวิ่ง" รู้สึกว่าท้ายสุดเนี่ยจะได้รับรางวัลเกี่ยวกับการวิ่งด้วย
แต่ไม่แน่ใจนะ ไม่ละเอียด

ริคก็เรียนจบ และมีงานทำ วันพ่อปีล่าสุดริคจัดงานเลี้ยงให้พ่อเขาด้วยตัวเอง
อยากดูเพิ่มเิติม จิ้มตรงนี้

ริคพูดทิ้งท้ายไว้ว่า เกี่ยวกับรางวัลพ่อดีเด่นไว้ว่า...
``No question about it,'' Rick types. ``My dad is the Father of the Century.''

ซึ้งมาก T-T ถ้าเกิดมาพิการแล้วได้พ่อแบบนี้ ก็ไม่เสียชาติเกิดจริงๆ

และแล้ว...ความจริงกว่าก็ปรากฏ

ในเหตุการณ์ๆ หนึ่ง
ในช่วงเวลาๆ หนึ่ง
ในสถานะๆ หนึ่ง

เราสามารถมองเห็น เรื่องนั้นๆ เพียงแค่
ด้านใด ด้านหนึ่งเท่านั้น

แต่เมื่อตัวแปรที่เรียกว่า "เวลา"
และ "สถานะ" รวมถึง "เหตุการณ์"
ได้มีการพัฒนา หรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

เราคนเดิม ชื่อเดิม สมองเดิมๆ
อาจมองเรื่องราว เดิมๆ ได้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

บางครั้ง "ความเชื่อมั่น" ก็เป็นเรื่องดี
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
ความเชื่อมั่น คือสิ่งที่ถูก และควรยึดถือ ยึดติดเอาไว้

เพราะหลายครั้ง...เวลาก็ได้สอนให้เรารู้ว่า
"ในความจริง ยังมีความจริงกว่า..."

แด่.....ความจริงกว่าของรัฐประหารไทย

ป.ล.บล็อกนี้ฉุกคิดได้ตอนที่เถียงกับแม่เรื่องรัฐประหารกับ เรื่องทักษิณโดนบอมม์
ป.ล.2 แม่เคยคิดว่าทหารที่ก่อการเป็นพวกทักษิณ และเราเองก็เคยคิดว่าทักษิณไม่ได้วางแผนบอมม์ตัวเอง

Tuesday 17 October 2006

Evanescence - The Open Door


















มาแล้วอัลบั้มใหม่ล่าสุด Evanescence - The Open Door
บอกเลยว่า "ไม่ผิดหวัง" ตามเคย กับผลงานชิ้นนี้

(ก่อนหน้านี้ก็มี อัลบั้ม away from home ซึ่งมีเพลงใหม่สองสามเพลง
นอกนั้นเป็นการ เอาเพลงอัลบั้มแรกมาแปลง ให้ออกซอฟต์ลง
เป็นอัลบั้มที่ชอบมากสุด แต่เสียอย่างเดียว ไม่ค่อยใหม่ไง...)

ส่วนอัลบั้มนี้ยังใช้โทนสีผสม ฟ้าเขียว
ซึ่งน่าจะผสมมาจากอัลบั้ม1และสอง2 ซึ่งเป็นฟ้ากับเขียวเลย
และสีดำซึ่งเป็นสีหลักก็ยังอยู่

อัลบั้มออกมาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม แต่เพิ่งได้ฟังวันนี้แหล่ะฮ่าๆ
เพลงโปรทโมทที่มีออกมาคือ Call me when you're sober
(ไปยกมิวสิควีดีโอมาให้ดูด้วย จิ้มด้านล่างเลยครับ)


กับมิวสิค ก็ไม่ได้แปลกใหม่เท่าไร คงจะใหม่ฉากเหาะได้
แต่สี และบรรยากาศ ที่เป็นเอกลัษณ์ของวงทำออกมาได้ดี
เพลงะก็ไม่ได้แรง และซอฟต์มากเกินไป
เหมาะที่จะเป็นเพลงโปรโมทอย่างที่สุด

ที่ชอบที่สุดคือ ฉากเหาะ กับฉากเตะของ สุดยอด...
(ความจริง ฉากที่มีแดนเซอร์นั่นก็ชอบจริงๆ นะเนี่ย)

ป.ล. เหมือนเอมมี่ ผอมลง แต่ดูไปดูมาก็ฉุๆ เหมือนเดิมเหอๆ ชอบชุดแดง ของเจ๊แกมากเลย เข้าสุดๆ
ป.ล.2อัพหน้าผลงานแล้วครับ จิ้มเลย
ป.ล.3 ในพันทิพย์กับลังเถียงกันว่าถ้าไม่ใช้เกรียน ควรใช้อะไร มีอันนึงตอบ "กะหล่ำ" ถูกใจว่ะ

Friday 13 October 2006

ลึกๆ.....อ๊ะ!




ก็อย่างที่บอก...ลึกๆ.....อ๊ะ! ไม่ใช่และ
แต่ตอนจบ ก็เน้นเรื่องอย่างว่า...จริงๆแหล่ะ

เจอมาตอนหาข้อมูล เกี่ยวกับพิกโตแกรม(ป้ายสัญลักษณ์)
ไอเดียบรรเจิด...ฮามาก

ป.ล.เมื่อวานนอนตอนหกโมงเช้า วันนี้เกือบไม่ได้ไปโรงเรียน
แต่ไปสายมากๆ...สายไปสองชั่วโมง(เรียนวิชาละสามชั่วโมง) พระเจ้า...
แถมวิชานี้ หยุดไปแล้วสองครั้งด้วย...แม่งชอบป่วยวันนี้ทุกที

Monday 9 October 2006

he she it!

he she it! Jap ver. มาแแล้วครับ
tumkun1

ใครอ่าน a dayก็คงคุ้นกันอยู่
สำหรับการ์ตูนลายเส้นยุ่ง แต่ลึกซึ้ง
กับชื่อง่ายใน he she it!

เคยรู้มาว่า คุณตั้มที่เป็นนักเขียนเรื่องนี้
มีโครงการจะแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ครั้งล่าสุด
รู้ว่าคุณตั้มเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว

ก็ดีใจด้วยนะครับ ที่ได้ออกมาเป็นตัวเป็นตนกันแล้ว
ใบปลิวด้านหน้าใช้คำโปรยเล็กๆ ว่า "เรื่องราวหวานขม"
ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ส่วนด้านหลังเป็นรายละเอียด
และสถานที่จำหน่าย ยังไม่ได้ไปดูของจริงเลย
มันไกลและยังไมค่อยจะ่มีเวลา แฮ่ะๆ

ราคาขายอยู่ที่ 1000เยน ประมาณ 300กว่าบาท
กับซีดีอนิเมะสองแผ่น ก็ค่อนข้างถูกนะเนี่ย!

ไม่รู้ว่าจะมีหนังสือออกมาหรือเปล่า...ในอนาคตน่ะนะ
แด่.....หนังสือภาพเรื่อง "ควันใต้หมวก"

ป.ล.1 เดี๋ยวว่างๆ จะไปสอยมารีวิวให้ดูครับ
ป.ล.2 วันนี้ไปกินเนื้อย่างมาก อร่อยอย่างแรง เดี๋ยวถ้าได้ไปกินอีก จะเอามารีวิวนะจ๊ะ
ไปกับพี่เอ๋ ฮาสุดๆ เพราะว่าพี่แกทำน้ำจิ้มกระจายใส่ตัวเอง (ขึ้นหัวเลยง่ะ สยอง...)

Wednesday 4 October 2006

Free Hugs

Inspiring Story! Free Hugs Campaign (music by sick puppies)



จากยูทิวป์
น่ารักดี...


ดูแล้วนึกถึงประเทศไทย!
ดูแล้วนึกถึงพ่อกับแม่ที่เมืองไทย!
ดูแล้วนึกถึงเพื่อนคนไทย!

ป.ล.แต่ดูไปดูมาแล้วเศร้าได้ เพราะความคิดถึง!

Monday 2 October 2006

焼肉


いらしゃい  いらしゃい!
七月八日 1Bの飲み会 場所:忘れた。

それから 皆さんの写真です ご覧ください。


HepFive!の最強モデル


腹へたんだ。。。


あれ!


キムチがあるかなぁぁぁぁ?


お兄ちゃんの焼き野菜の作戦?


なんだそれ、Yuichiro!


ユウちゃん、"へへへ、お腹がいっぱいでした。"


後は雨が降ったんだから解散しました。 
ところで、全部の写真はそこにあるクリックしてください。 ここです。
また、コッメンがあれば書いてください。


本とに楽しかった
1Bは良かったなぁ!
  ウット
dark.angular

กะละแมเปื้อนดิน















"อุ่นใดๆ โลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอบอ้อมแขน อ้อมกอดแม่แต่ก่อน
รักเจ้าจึงผูก รักลูกแม้เฝ้าห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียง ครึ่งวัน......"

แว่วเสียงเพลงนี้ผ่านวิทยุในช่วงวันแม่
นอกเหนือจากแม่แล้วก็ยังนึกถึง ค่ายๆหนึ่ง
ค่ายที่ทำให้เราไม่ได้กลับไปไหว้แม่ในช่วงวันแม่

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหรอก
สำหรับคนที่ รักแม่อยู่เสมอ...

ต่อไปนี้ คือริวค่ายเลขครั้งที่ 7
พี่น้องคนใดช้ำใจ ต่อรีวิวนี้ อยากจะด่า สาปแช่ง
ก็ขอให้กดคอมเมนท์ แล้วละเลงได้ตามสบาย

หรือพี่น้องคนใดอยากช่วยรีวิวให้สมบูรณ์ๆๆๆไปอีก
ก็เชิญตามสะดวกเช่นกัน...
(จะขอใช้ตัวหนังสือเล็ก เนื่องจากมีเรื่องจะเขียนค่อนข้างมาก)

ครั้งแรกสุดที่ได้ไปดูน้องคือ ครั้งที่ซ้อมย่อยๆ ในห้อง
ขอบอกเลยว่า วันนั้นเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นไม่กี่วัน แต่ก็รีบบึ่งไปโรงเรียน
เพราะคิดว่าน้องคงซ้อมกันเกือบเรียบร้อยแล้ว ถ้าหล่นตรงไหนจะได้ไปช่วย

แต่พอไปเห็น งงมาก.....คือไม่รู้จะเริ่มช่วยตรงไหนก่อนดี!
ไม่ใช่ว่าน้องทำงานกันไม่ดี แต่น้องไม่สามัคคีกันเลย
เต้นก็ยังจะไปคนละทิศ ละทางแต่ แต่ไอ้ที่ไม่เต้นนี่...
ถ้าไม่เกรงใจอาจารย์ พี่จะเดินเข้าไปแล้ว ตบเข้ากบาลให้ดังๆ ซักคนละที
แล้วจะถามว่า "พวกมึงเต็มใจไหม? ถ้าไม่ นู่น!...ประตู"
(ที่เห็นๆ คือ ไอ้2ป๊อปกับเพื่อนอีกคนแต่พี่ไม่รู้จักชื่อ)

ผ่านวันนั้นไป พี่ก็งงๆ คืองงว่า อาจารย์ปล่อยให้มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
และที่งงกว่าคือ มาถึงขั้นนี้แล้วจะไปต่อยังไง แต่ที่งงที่สุดคือ...
ไอ้เด็กค่ายเลข ม.หกเนี่ย ทำไรกันอยู่?

พี่เคยพูดกับน้องปีที่แล้วไว้ว่า
"เด็กค่ายเลขก็เหมือนกาละแม โดนจับแยก
ก็ยังจับมารวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ใหม่ โดยไม่บุบสลาย"

แต่ตอนนั้น พี่รู้สึกว่าสิ่งที่พี่เคยบอกน้องไป เคยพูดไป
มาถึงวันนี้จากสิ่งที่พี่เห็น น้องคงลืมคำพูดนั้นกันหมดแล้ว...สินะ
เพราะน้องทำตัวเหมือนกาละแมที่ตกสู่พื้น แล้วเปื้อนดิน
ซึ่งแม้จะขยำ จะปั้นอย่างไร มันก็จะไม่กลับมาเป็นเนื้อเดียวกันได้อีก

แตพี่ก็ไม่อยากว่าหรือพูดอะไรกับน้องตอนนั้น เพราะบารมีของอาจารย์
ที่เคยพูดกับพี่ไว้ว่า ถ้าทักอะไรไปแรงๆ แล้วน้องขาดกำลังใจ
น้องก็จะทำงานไม่ได้ดี ตลอดจนจบค่าย
(พวกแกก็เลยรอดตัวไป)

แล้วเรื่องถัดๆมา ตั้งแต่เรื่องซ้อมใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่หลายๆ รู้แล้ว (รุ่นพี่)
ปีนี้พี่เองยอมรับว่าพูดกับน้องเยอะมาก...เยอะกว่าปีไอ้แก่มาก (ปีไอ้แก่พี่ด่าไม่ได้พูดว่ะ)
อาจจะมีคนคิดว่าพี่ดุ แต่ไปถามพี่รุ่นก่อนเลยว่าปีที่แล้วเนี่ยสุดๆ...โดนกันยิ่งกว่านี้
(ทั้งโดนพี่ โดนพี่เน๊า โดนพี่ต้น โดนพี่นุ รุมสกรัมคิดเอาเองล่ะกัน เละไม่เละฮ่าๆ)

ไม่ใช่ว่าเพราะ มีอาจารย์อยู่ด้วย แต่เพราะพี่เจ็บคอ...อ๊ะไม่ใช่และ
แต่เพราะถ้าพูดแรงๆ พี่ม.หกอาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม (จากที่แย่ๆอยู่แล้ว)
ขอบอกเลยว่า รู้ว่า พี่ม.หกพยายามมากๆ แต่ถึงจะพยายามแค่ไหน
พวกนายก็มีประสิทธิภาพแค่ 50% เท่านั้นเอง เพราะนายขาดน้องๆไป

จนวันสุดท้าย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
แต่รู้ไว้ซะว่า ไม่ใช่เพราะโชคช่วย หรือโชคดี
แต่เป็นเพราะ พวกเราทุกคน พยายาม อย่างที่สุด

"หยาดเหงื่อ และน้ำตาที่ไหล ของใครหลายคน
คงเป็นสิ่งที่จะล้างดิน ที่เปรอะใจใครอีกหลายคนในที่สุด"

พี่รู้สึกดีว่ะ รู้สึกภูมิใจ...
ไม่ใช่ว่าเพราะน้อง มีความสามารถ หรือไม่ใช่เพราะน้องเรียนเก่ง
แต่เพราะน้องเป็นน้อง เป็นน้องที่พี่สอนได้ เป็นน้องที่รู้จักโต
และน้องเป็นคนเสียสละ คือสิ่งที่พี่ภูมิใจที่สุดกับน้องค่ายเลขปีนี้
พี่ๆ ทุกคนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันกับพี่แน่นอน


บ่นมานานและไปดูรูปเก็บตกจากกล้องพี่กันดีกว่า




mathcamp002
โหมดใบหน้า มีวิสัยทัศน์

mathcamp013
เอิ๊กๆ อาจารย์พนิดาท่านเห็นด้วย...

mathcamp010
แจ๊บๆ ซู๊ดดดดด! (ละเมอ:ผมเห็นด้วยคร๊าบ)

mathcamp009
เอ้า 3,4 บูม..................................พะยูน

mathcamp008
...บรรยายไม่ออก...

mathcamp006
แฮะๆ สู้ตรายยยยย!

mathcamp007
ร้องเพลงเพี้ยน แล้วแอบมางีบ อุอุ

mathcamp005
ไอ้จูเนียร์ มันทำไรฟะ...?

mathcamp004
ไ้อ้นี่ว่าแฝดแล้ว...

mathcamp003
ไอ้นี่แฝดกว่า...(โปรดสังเกตุ จะชูมือก็เสือกชูคนละแบบ)

mathcamp011
ไม่หวายแล้วค่ะ...

mathcamp014
แอบอู้นี่หว่า!

mathcamp015
ไอ้นิคให้หมาเลียมือ...หลังจากนั้น

mathcamp017
หน้าบวมมมมมมไปเลย

mathcamp016
หิวจังเยย...

mathcamp018
ไอ้ชูสองนิ้วเนี่ย ที่ลาวเขาก็ฮิต!

mathcamp019
...บรรยายไม่ออก

mathcamp021
(ปิดท้ายด้วยรูปสี่ยอดมนุษย์ มีปกติคนเดียวคือไอ้อิ๊ก)

ใครอ่านมาถึงตรงนี้พี่ ก็ขอบคุณในความอดทน และพยายามอย่างมาก
และขอให้แอดมิดชั่นติดดังหวัง (ถ้าอ่านบล็อกยาวๆแบบนี้ได้ หนังสือก็แค่ของกล้วยๆ)
สุดท้ายที่พี่จะฝากเอาไว้

ไอ้เด็กม.ห้า ตั้งใจล่ะ จะกลับไปดูน่ะว้อย

ไอ้เด็กม.หก รักรุ่นน้องให้เหมือนที่พูดไว้ล่ะ

ไอ้เด็กรุ่นพี่รุ่นน้องหลายๆคน ถ้ามาค่ายแล้วไม่รู้จะช่วยอะไร
ก็มาบริจาคทรัพย์ให้ชมรมได้ แต่มาถ้ากินแล้วกลับแบบที่บางคนทำกันอยู่เนี่ย...แย่นะ

รุ่นพี่ รุ่นน้อง
พี่รู้ว่า รุ่นน้องบางคน มีปัญหากับรุ่นพี่บางคน
รุ่นพี่บางคน ก็มีปัญหากับรุ่นน้องบางคน
พี่ยอมรับว่าเรื่องนี้ แม้แต่ตัวพี่เอง ก็เคยมีปัญหากับรุ่นน้อง
และมันก็น่าจะยังคาอยู่ ถึงทำให้เจอกันแล้วมองหน้ากันไม่ติดเนี่ย...

แต่อยากจะบอกว่า การทะเลาะ การเคลียร์(ที่ฟังดูเท่ห์) มันไม่ใช่
การแก้ปัญหา แต่เป็นการทำให้ปัญหาไปถึงทางตัน และค้างอยู่แบบนั้น
ถ้าพอจะรู้สึกว่าทำผิดไป อะไรที่พอจะฟังได้ ทนได้ พูดได้ ก็รีบๆไปทำซะ

เพราะเมื่อเวลาผ่านไป น้องจะคิดอีกอย่าง คนที่น้องทะเลาะด้วยก็จะคิดอีกอย่าง
สมมุติว่าน้องคิดได้ว่าผิด ถึงตอนนั้นน้องก็ไม่กล้าขอโทษแล้ว
และคนที่เสียใจไปตลอดคือตัวเราเองที่ทำผิด.....อย่าให้มันถึงตอนนั้นเลยนะ

ลดฐิฑิกันลงบ้าง คนอ่อนกว่าก็ควรจะนอบน้อม ผู้ใหญ่กว่าก็ควรจะเมตตา
มันก็แค่นั้นเอง จริงๆ...


สุดท้ายที่พี่จะเตือน คือสิ่งที่พี่ไม่ได้เจอกับตัวเอง
แต่พี่คนอื่นเจอมา พี่อยากบอกและขอร้องกับน้องหลายคนตรงนี้เลยว่า "อย่าปีนเกลียว"

ขอโชคดีจงมีแต่ท่าน...สวัสดี
ป.ล. บล็อกครั้งนี้ยาวที่สุด เท่าที่เคยเขียนมาในชีวิตเลย ให้ตายสิ!
ป.ล.2 คนสำคัญอีกคนพี่แทบไม่ได้พูดถึงในค่ายเลยคือไอ้อั้ม
อยากชมว่าอั้มสันทนาการในค่ายได้ดีมากๆ อาจจะเป็นคนที่แม่นที่สุดในเรื่องนี้
พี่ขอบคุณนายมากๆ ที่แม้จะท้อจนเกือบท้อแท้ แต่ก็ไม่บ่นสักคำ...สู้ๆ นะไอ้น้อง

สักวัน...

สักวันดอกฟ้าจะโน้มลงมาหา ...

สักวันเครื่องบินจะตกใส่หัวหมา ...

สักวันนางฟ้าจะร่วงลงมา ...

สักวัน เธอจะเมตตามองมาที่หัวใจ ...


ป.ล.ไปเจอมา (ระบุที่ไม่ได้ ขอบคุณไว้ด้วยครับ) รู้สึกดีผสมขำ เลยเอามาแปะ
ป.ล.2 คิดเรื่องงาน คิดเรื่องเพื่อน คิดทบทวนการกระทำและคำพูด ของตัวเอง
นอนไม่หลับเลยง่ะ.....ตูเป็นไรฟะเนี่ย!

Friday 29 September 2006

Which FF Character Are You?



Which FF Character Are You?


ใครที่เป็นแฟนไฟนอลลองกดไปเล่นดู
ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ตัวนี้เหอๆ สุดยอดตกใจ

คือไม่คิดว่าจะมีคาแรคเตอร์ตัวนี้ใส่อยู่ด้วย
แต่ดูดูไป มันก็ตรงกับนิสัยเราเหมือนกันเนอะหุหุหุ

เป็นแบบทดสอบภาษาอังกฤษ แต่ว่าก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย
ลองๆ ดูล่ะกัน ได้ตัวอะไรมาบอกกันด้วยนะหุหุ


ป.ล. ยังไม่หายหวัดเลยง่ะ วันนี้นอนทั้งวันเลย เพลียๆ แต่ก็ไม่เลวร้ายมากนัก
วันก่อนเป็นวันส่งงานของโรงเรียนส่งเรียบร้อย รู้สึกผิดหวังกับงานสีชิ้นสุดท้ายของตัวเองนิดหน่อย
เพราะใช้สีพื้นผิดไปสีนึงภาพออกมาแย่...มาก โรงเรียนให้เราหยุด พักหายใจได้สามวันเฮ้อโล่ง!

ป.ล.2 หลายวันก่อนคิดไว้ว่า ถ้างานเสร็จหมดแล้ว จะเขียนบล็อกเี่กี่ยวกับเพื่อนบางคน
ยังไม่ทันจะได้เขียน ไอ้ต้นส่งข่าวมาบอกว่า เบนซ์เสียชีวิตแล้ว...ทำให้เรารู้สึกแปลกๆไปเลย
ตอนแรกยังไม่ได้อะไรเท่าไร(คิดว่าเพราะเรื่องงานมันรุมเร้า) แต่ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากเหมือนกัน...

Saturday 16 September 2006

พอใจ?










...ผู้ชายนิสัยธรรมดา - น่าเบื่อ
ผู้ชายนิสัยเลว - เลวว่ะ
ผู้ชายนิสัยดี - เธอดีเกินไป...


คงจะจริง กับคำที่ว่า "เราควรพอใจในสิ่งที่มี"
หาก แต่มันก็ยากเหลือเกิน...

เพราะรอบข้างเรา ก็ยังมีส่วนประกอบอีกมากมาย
ที่ไม่ใช่เพียงแต่ "เรา"


เมื่อ ฉันพอใจ แม่ฉันว่า ไม่ขยัน ใฝ่หา
เมื่อ ฉันพอใจ พ่อฉันว่า ไม่ทะเยะทะยาน
เมื่อ ฉันพอใจ พี่ฉันว่า เพราะได้มาตลอด
เมื่อ ฉันพอใจ เพื่อนฉันว่า เพราะนายไม่เคยไม่มี
เมื่อ ฉันพอใจ น้องฉันว่า ไม่เติบโต
เมื่อ ฉันพอใจ รุ่นน้องฉันว่า ไม่น่าเคารพ

แล้ว ฉันในวันนี้ จะพูดว่า "พอใจ"
ด้วยความพอใจได้อย่างไร...ในเมื่อ ฉันก็ไม่พอใจ
ที่มีคนไม่พอใจ ในความ "พอใจ" ของฉัน

ป.ล. ยังป่วยอยู่แต่มาแบบ เป็นๆ หายๆ เบื่อเพื่อนที่โรงเรียนมากๆ
พอป่วยแล้วคิดถึงแม่จัง นอนหิวข้าวก็ต้องลุกมาหากินเอง ทรมานจังเยย...

Friday 15 September 2006

ป่วย

ช่วงนี้ไม่สบายอย่างมาก
เป็นติดต่อกันมาตั้งแต่กลับมาที่นี่แล้ว

แต่ช่วงสองสามวันนี่กำเริบหนัก
นอนซมตั้งแต่เย็ันทั้งสองวันเลย
แถมมีงานที่ต้องทำตลอดอีก

ของดอัพเดทสักช่วงนึง
ลาัพักไข้หน่อย.....นึง

ไว้เจอกัน

Friday 8 September 2006

ช่วงเวลา ของความอ่อนไหว


(คำเตือน! เพลงประกอบเพราะมาก....จิ้มเลย)


ถ้าถามว่า...เพราะอะไร
เราถึงรักคนๆนึง ได้มากขนาดนั้น

มันก็เป็นเรื่องที่ยากจะตอบ

แต่คงจะง่ายกว่า การตอบคำถามที่ว่า...
เพราะอะไร...เราถึงไม่เลิกรักคนๆนึงเสียที




ทำยังไง คนเราถึง
เลิกรักกันได้.....ฉันอยากรู้

ป.ล.ช่วงนี้งานเยอะมากๆ เลย ร่างกายก็ไม่ค่อยจะสู้ดี ทำไมที่นี่มันหนาวจังฟะ
ป.ล.2 ภาพประกอบ และดนตรี จากอนิเมะเรื่อง honey&clover แนะนำให้ดูอย่างแรง!

Saturday 2 September 2006

ความเที่ยง ไม่มีในโลก

กับเวลา 5สัปดาห์ที่ผ่านไป ที่เมืองไทย
เซ็งนิดหน่อยตรงที่ไม่ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเป้าหมายหลักของเราครั้งนี้คือ

"ค่ายเลข"

สำหรับเราแล้ว
ค่ายเลขครั้งนี้ ก็คงไม่เหมือนครั้งที่แล้ว
และค่ายเลขครั้งที่แล้ว ก็คงไม่เหมือนครั้งก่อนที่แล้ว

แต่หากว่า การไปค่ายครั้งนี้ คงเป็นอะไรที่สำคัญ
ในช่วงชีวิตนึงของคนหลายๆคน
ไม่ว่าจะเป็น น้องค่าย พี่เลี้ยงค่ายรุ่นน้อง พี่เลี้ยงค่ายรุ่นพี่
หรือแม้กระทั่งกับ ตัวเราเอง ก็ตาม

กับการได้ประจักษ์ กับสัจธรรมที่เรียกว่า
............................การเปลี่ยนแปลง
จะพูดให้พูดว่ามีอะไรบ้างที่เปลี่ยน
ก็ควรจะใช้คำว่า "ทุกอย่าง" น่าจะเหมาะีที่สุด

มันดีขึ้น หรือแย่ลงนั้น
เราคงตัดสินอะไรลงไปไม่ได้เด็ดขาด
เพราะมาตราฐานความดีของคนเรานั้น มันไม่เท่ากัน

การที่หลายสิ่งที่มันดีขึ้น ก็เป็นเรื่องที่ดี
การที่หลายอย่างที่มันแย่ลง ก็คงต้องทำใจ

ถึงแม้ว่าบางสิ่ง กับคนบางคนจะเปลี่ยนไป
และจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม.....ก็ตาม
แต่ถึงอย่างไร การได้พบกันครั้งนี้

.....ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว.....



ป.ล.1 reviewค่ายเลขครั้งนี้ จิ้มเลย
ป.ล.2 ปรับเปลี่ยนระบบใหม่นิดหน่อย มีหลายบล็อกที่เปลี่ยนที่ไป
และคอมเมนท์ก็หายๆ ไปด้วย ขอโทษสำหรับคนที่คอมเมนท์บล็อกนั้นๆ ไว้ด้วยครับ

Thursday 31 August 2006

Nameless Monster




The Nameless Monster

Once upon a time, there lived a nameless monster.
The monster was dying to have a name so badly.
So the monster decided to set out on a journey to find itself a name.
But the world was such a large place.
So the monster split into two and went on to two seperate journeys.
One went to the East and the other went to the west.
The monster that went to the east found a village.

There was a blacksmith at the village entrance.
"Mr.Blacksmith, please give me your name" said the monster.
"I can't give you my name" replied the blacksmith.
"If you give me your name I will jump inside you and make you stronger in return." said the monster.
"Really? I'll give you my name if you can make me stronger.", the blacksmith told the monster.
The monster jumped inside the blacksmith.
The monster became Otto the blacksmith.
Otto the blacksmith was the strongest man in the village.
But one day he said:
"Look at me! Look at me!"
"The monster inside of me has grown this big!"
*Chomp, chomp, munch, munch, gobble, gobble, gulp*
The hungry monster ate Otto from the inside out.

The monster then went back to become a monster without a name.
Even though he jumped inside Hans the shoemaker....
*Chomp, chomp, munch, munch, gobble, gobble, gulp*
He went back to being a monster without a name again.
Even though he jumped inside Thomas the hunter.....
*Chomp, chomp, munch, munch, gobble, gobble, gulp*
He still went back to being a monster without a name.
The monster then went to a castle to find a wonderful name.
Inside the castle, there was a very sick boy.
"I'll make you stronger if you give me your name" said the monster
In reply, the boy told him "I'll give you my name if you can cure my illness and make me stronger."
So the monster jumped inside the boy.
The boy became very healthy.

The King was delighted.
"The prince is well! The prince is well!" said the King.
The monster became fond of the boy's name.
He also grew fond of his life inside the castle.
That's why he endured even when he became hungry.
Every day, even when his stomach became very empty, he endured.
But then he became so hungry....
"Look at me! Look at me!" said the boy.
"The monster inside of me has grown this big!"
The boy then ate his father, servants, and everyone.
*Chomp, chomp, munch, munch, gobble, gobble, gulp*
Because everyone was gone....
The boy left on a journey
He walked and walked for days.....

One day the boy met the monster that went west
"I have a name" said the boy.
"It's a wonderful name."
And then the monster that went west said...
"I don't need a name."
"I'm happy even if I don't have a name."
"Because we're monsters without names."
The boy ate the monster that went west.
Even though he now had a name....
There was no one left to call him by his name.
Johan.
It is a wonderful name.

ป.ล.กดตรงชื่อเรื่องนะมีแบบเป็นรูปให้ สำหรับเนตตุ่นๆ
ป.ล.2 ขอดองไว้แป๊บจะมาแปลไทยนะ
ป.ล.3 คือว่าไม่แปลและ อ่านๆดูมันง่ายน่ะ ดูหนังประกอบจะเข้าใจ...มากมาย

credit:http://www.designchronicle.com/memento/

Sunday 9 July 2006

เนื้อย่างเกาหลี มาแล้วๆ

งานนี้อิ่มอร่อยกันไปเป็นทิวแถว
กับเนื้อย่างเกาหลี

งานนี้เพื่อนจัดเป็นงานเลี้ยงของโรงเรียน มันส์ดี
เพื่อนบอกว่าสำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ห้องนี้ค่อนข้างสนิทกันเร็ว
แต่ว่าพูดถึงคำว่าเป็นงานเลี้ยง ก็ไม่ค่อยงานเท่าไร

เหมือนไปกินๆ กันอย่างเดียวเลย
แต่อย่างว่า ร้านมันนั่งนานไม่ได้น่ะ

แล้วเรื่องที่นั่งก็ไม่ได้จับฉลาก
พอนั่งไปก็เลยมีแต่หน้าเดิมๆ
เตรียมตัวไปกันไม่ค่อยดีเท่าไรเลย
เอาเหอะหยวนๆ สนุกดีเหมือนกันฮ่าๆ

ตามไปดูรูปได้ กดที่นี่เลย

ป.ล.แต่ทำไมตูต้องจ่ายไปต้องห้าพันเยนฟะ...แม่ม มันมีคนที่ดื่มมากกับไม่ดื่มมาก
ตอนแรกบอกค่าน้ำของใครของมัน พอเก็บเงินจริง ไอ้คนจัดก็มั่วๆ หน้ามืด เราก็ดันจ่ายไปก่อน
ไอ้พวกดื่มก็จ่ายสี่พันห้า...กูซวยเรย เอาเหอะนานๆที ทำใจๆ
แต่สงสารไอ้พวกไม่ดื่ม จ่ายสี่พัน...T_T (ความจริงค่ากินอย่างเดียว สามพันเยนน่ะ เหอๆ)

ป.ล.2 ตอนแรกมันว่าจะไปกันต่อ พอฝนตกเลย...วงแตก
ว่าจะขึ้นรถไฟกลับ เพราะว่าฝนตก แต่พอถึงรถไฟฝนหยุด อ้าว...กลับจักรยานดีกว่า
พอถึงจักรยาน...แม่งเสือกตกก็เลยกลับไปงั้นแหล่ะ ถึงบ้านเก็บของ ถอดเสื้อผ้า อาบน้ำ
เล่นเนตแป๊บแล้วนอนเลย โครตเหนื่อยพอเช้ามาเก็บของที่เมื่อวานรีบร้อนวางผิดที่ผิดทางไปหน่อย
ปรากฏ...แหวนหายไปครึ่งวง(วงในที่มันถอดได้น่ะ)แหวนรุ่นเบญฯ รุ่น108 หายง่ะ
ไม่รู้แม่มหายไปตอนไหนด้วย วันนี้รื้อของจนทั่วแล้วนะก็ไม่เจอ ถ้าหายในห้องแล้วหาไม่เจอแบบนี้
สงสัยต้องรอ ย้ายบ้านแน่ๆ เสียดายง่ะถ้าหล่นหายไปจริงๆ...เซ็ง (โครตชอบเลยวงนี้)

Tuesday 4 July 2006

ล้างจาน

สมการของการล้างจาน...เขียนได้ดังนี้

น้ำยาล้างจาน + ฟองน้ำล้างจาน + น้ำ + จานสกปรก3ใบ
= จานสะอาด3ใบ


แต่สมการของการล้างจานวันนี้...กลับเขียนได้แบบนี้

น้ำยาล้างจาน + ฟองน้ำล้างจาน + น้ำ + จานสกปรก3ใบ
= จานสะอาด(ร้าว)1ใบ จานแตก2ใบ แผลบาดยาวๆที่เท้า1แผล

ป.ล.จานแตกครั้งที่แรกในรอบปี ครั้งที่สองในรอบสองปี ไม่ได้ทำไรเลยนะ
แค่วางจานที่ยังไม่ล้างไว้บนเตาแก๊ส แล้วเอื้อมมือหยิบอะไรสักอย่างนี่แหล่ะ
มันก็พร้อมใจหล่นกันลงมาหมด ทั้งจาน ทั้งหม้อ ทั้งกะทะ...เซ็ง

Monday 3 July 2006

PROTeIN

ฉลาด: ทำไมมึงชอบกินหมูกะทะวะ?
เฉลิม: เพราะเนื้อให้โปรตีนนนนนนสูง
ฉลาด: แล้วมึงจะเอาโปรตีนนนนนนสูงไปทำอะไร...?
เฉลิม: อ้ามึงไม่รู้เหรอ มันเอาไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไงมึง
ฉลาด: อ๋อ......แต่ทำไมกูเห็นมึงก็เหมือนเดิม
เฉลิม: เหมือนเดิมยังไงวะ กูออกจะสมบูรณ์?
ฉลาด: .....
...........กูคิดว่าโปรทีนที่มึงได้รับเนี่ย ไม่เพียงพอว่ะ
เฉลิม: ไม่เพียงพอยังไงวะ...?
ฉลาด: กูคิดว่า "สมอง" มึงคงสึกหรอมากเกินไป น่ะนะ...

ป.ล. นึกขึ้นมาได้ก่อนนอน แต่ไม่เคยเขียนแนวขำ อาจจะไม่ขำว่ะ
แต่เก็บไว้เป็นมุขด่าคนได้นะ น่าจะได้ผลดี
ป.ล.2 อาทิตย์จะไปกินเนื้อย่างงงงงงง อยากกินว่ะ

Friday 30 June 2006

คนในใจเธอ

มีเพลงนี้อยู่นานแล้ว แต่ไม่เคยฟัง
พอดคอมมันเปลี่ยนไปโดนเพลงนี้พอดี (เก่าหน่อยนะ ทำใจๆ)

รู้สึกโดนกับประโยคนี้มาก "คนดีดีไม่มีวันลอยมาจากฟ้า"
ความจริงจะหาลิงค์มาให้ฟังด้วย แต่หาไม่เจอง่ะ...
(เจอแต่แบบที่ฟังไม่ได้นี่นา...ใครมีเพลงอยู่ก็เปิดฟังล่ะกัน)
(รูปนี้ไม่มีอะไร ดูแล้วเข้ากับบล็อกวันนี้เฉยๆ เลยอยากใส่น่ะเหอๆ)



เนื้อเพลง: คนในใจเธอ
อัลบั้ม: พีทูวอร์ชิพ

เธอรอให้ใครสักคน
หล่นมาจากฟ้าไกล
สักคนที่เป็นอย่างใจ อย่างที่ได้ฝัน
ข้างในสมุดบันทึกเล่มเก่า
เธอเขียนแต่คำว่าเหงาทุกวัน

กาลเวลาที่เดินไปเร็วเสมอ เธอเจอหรือยัง
ทำไมมันยิ่งเลือนยิ่งลางออกไป

อาจจะเป็นกำแพงหรือเปล่า
ที่สร้างโดยไม่ตั้งใจ
อาจจะเป็นความหวังที่สูงไป
ยากจะปีนเข้ามา
คนดีดีไม่มีวันลอยมาจากฟ้า
แต่ว่าเธอต้องหาเขาเอง

ได้เห็นดวงดาวสักดวง คืนที่เธอฝันไป
จะหามันได้จากไหน อย่างที่ได้ฝัน
อะไรที่มีเงื่อนไขมากเกิน
ย่อมยากที่เราจะค้นพบมัน

กาลเวลาที่เดินไปเร็วเสมอ เธอเจอหรือยัง
ทำไมมันยิ่งเลือนยิ่งลางออกไป

อาจจะเป็นกำแพงหรือเปล่า
ที่สร้างโดยไม่ตั้งใจ
อาจจะเป็นความหวังที่สูงไป
ยากจะปีนเข้ามา
คนดีดีไม่มีวันลอยมาจากฟ้า
แต่ว่าเธอต้องหาเขาเอง

อาจจะเป็นกำแพงหรือเปล่า
ที่สร้างโดยไม่ตั้งใจ
อาจจะเป็นความหวังที่สูงไป
ยากจะปีนเข้ามา
คนดีดีไม่มีวันลอยมาจากฟ้า
แต่ว่าเธอต้องหาเอา
เปิดขอบเขตของใจเรา
สักวันเธอจะพบเขาเอง


นั่นสินะ ทำไมคนดีๆ ไม่ลอยมาจากฟ้าล่ะ...
อาจจะเป็นเพราะว่า คนดีดี ไม่ได้เป็นเทวดานี่นา
และอีกอย่าง คนดีดี ก็ไม่ใช่ดาวตกนี่เนอะ

มันก็ไม่เรื่องง่าย ที่จะเจอคนดีดี ของเรา
แต่ก็คงไม่ยากที่จะเป็นคนดีดี ของใครสักคน

คนไม่ใช่เทวดา จะได้ดี มีเมตตาอยู่เสมอ
คนไม่ใช่หินไม่ใช่ปูน จะได้ อดทน เข้มแข็งอยู่ตลอด

..................................................................................
คิดถึงเขา คิดถึงเรา
คงไม่อยากนัก ที่จะพบเจอคนดีดี สักคนของเรา.......

ป.ล.เจอแล้วแหล่ะคนดีดีของเรา พ่อแม่ดีดี ญาติดีดี(บางคน)
เพื่อนดีดี เพื่อนรักดีดี แต่ยังไม่เจอ.....แฟนดีดีเลยง่ะ(แฟนธรรมดาก็ไม่มี T_T)
ป.ล.2 อัพหน้าดีไซน์แล้ว งานเด็ดของเราเลยล่ะไปดูกันหน่อยเน้อ

Tuesday 27 June 2006

"ความเจ็บปวด"

วันนี้เป็นวันหยุดหนึ่งวันเต็มๆ
ที่ปกติเราจะนอนจน10โมงเลยแหล่ะ
ช่วงหลังนี่งานเยอะมาก พอได้หยุด
มีสองอย่างที่ทำคือ นอนยาว กับทำงานยาว
(อย่างหลังนี่แม่งมากกว่า)

แต่วันนี้มีธุระต้องไปทำเรื่องวีซ่า
แล้วก็เลยไปตัดผมมา่ด้วย

ตอนนั่งรถไฟ ก็เหม่อๆ
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แต่มีความคิดแว่บนึง นึกถึงเรื่องเก่าๆ
นึกถึงใครหลายๆคน ที่ทั้งยังวนเวียนอยู่ในชีวิต
และทั้งพวกหลุดนอกวงโคจรไปแล้วด้วย

พอคิดไปคิดมา ก็รู้อยากจะทำตัวหลุดวงโคจรดูบ้าง
และก็มีแว่บนึงที่รู้สึกว่า "อยากทิ้งเพื่อน" ขึ้นมาเฉยเลย

กับความรู้สึกที่มีใครแล้วต้องเจ็บ
กับ "ความเจ็บปวด" ที่จะเคยเกิดขึ้น
และที่กำัลังจะเกิดขึ้นนั้น...

เราจะรับมือกับมันต่อไป
แต่จะรับมือมันได้แค่ไหนนะ
หรือว่าเราควรเลือกที่จะ
ทิ้งทุกอย่างเพื่อแลกกับการไม่ต้องเจ็บ

...จะดีหรือเปล่านะ...


................................................................
เล็กน้อยขำๆ

วันนี้ไปตัดผมมา หล่อเลย
(อย่าอ๊วกนะ เพราะว่าหล่อนานแล้วฮ่าๆ)
อยากไปตัดนานและ ติดงานยุ่งเลยไม่ได้ไปสักที

ช่างตัดผมหน้าตาดีมาก จนเราตกใจ
(ตัดผมเสร็จก็ยังหล่อไม่สู้มัน เสียใจ T_T)
ตัดๆไปก็ชวนคุยกับเราตลอด.....แต่เราเบื่อง่ะ
คือเวลาตัดผมเราก็อยากนั่งสงบๆ (เป็นกันป่ะ)

พี่แกพูดจาดี เสียงหวาน ตาหวาน
พอเจอเรานั่งนิ่งๆ หลับหูหลับตา
หน้าเสียไปเลย สงสารเหมือนกันแต่เหนื่อย
ขี้เกียจคุยง่ะ

ป.ล. ช่างตัดผมมันบอกว่า "เราผมหนาดีเนอะ"
(ความจริงมันแอบบ่น เพราะว่าตัดยากแน่ๆเลย)
ป.ล.2 บล็อกแต่ละวันเริ่มเบนเบี้ยวมาเป็นไดอะรี่
แต่ไม่รู้สิ อาจจะดีกว่าไม่เขียนอะไรเลยก็ได้มั้ง

Sunday 25 June 2006

"ควาย"

เมื่อวานโครตจะหงุดหงิด...ตั้งแต่เช้า
ไปถึงโรงเรียน เจอเพื่อนกลุ่มเดียวกันในลิฟต์(เบอร์2)
ถามว่า งานกลุ่มที่ทำเมื่อวาน(เราไม่อยู่)
ทำไปถึงไหนแล้ว เพราะวันจันทร์จะมาทำต่อ

ไม่ได้ทำ...เพราะห้องคอมไม่ว่าง เลยไม่มีคนทำ

เข้าห้องมาเจอเพื่อนอีกคน(เบอร์2)
เพื่อนบอกงานกลุ่มที่ทำเมื่อวันศุกร์ยังไม่เสร็จ
มันบอกว่าต้องทำวันนี้ต่อ

ก็ไม่ได้ว่าไร เลยถามไปว่าทำไปถึงไหนแล้ว
มันบอกว่าตอนทำวันนั้นเหลือกันอยู่สองคน
ก็ทำดีไซน์หน้าไม่ได้ทำอะไรเท่าไร.....หงุดหงิดว่ะ

และวันเสาร์เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก เรียนทั้งวัน
วันนี้เลยเซ็งๆ ตอนเย็นก็ทำงานกัน
ด้วยความเชื่องช้า แต่ก็ยังดีกว่าคราวแรกๆ
ปรากกฏไอ้เพื่อนเบอร์1 ที่มันบอกว่า "ห้องคอมไม่ว่าง"
เพราะมันหนี กลับไปวันศุกร์ วันนี้แม่งก็ หนีกลับอีก
อยากจะเดินไปตบกบาลแม่งแรงๆ สักที.....เซ็ง

พอทำงานด้วยกันก็จะเห็นความเป็นญี่ปุ่น ของคนญี่ปุ่นออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยเวลาที่มีน้อยนิด จะส่งรอมร่อ แม่งเสือกดีไซน์อลังการมากกกกก
แล้วพอเราขัดมันหงุดหงิด เราเลยบอกมันว่า
"ทำแบบนี้ พุธหน้าก็ไม่เสร็จ" (ส่งวันพุธ)
มันเลย คิดได้ แล้วคิดใหม่อีกรอบ.....เวรกรรม


และเมื่อวันเดียวกันตอนบ่าย
ไอ้เพื่อนกลุ่มเดียวกัน เสือกจะมาแย่งที่นั่ง
เพราะว่ามีเพื่อนกลุ่มอื่นนั่งที่มันไปแล้ว
แล้วเก้าอี้มันหายไปเพราะมีคนย้ายที่(ความจริงมันครบแหล่ะ)
มันก็เลยมานั่งที่เรากับเพื่อน แล้วพูดว่า "ใครมาเร็วก็นั่งไป"
พอดีเราเดินตามหลังมันมาเลยเห็น เราก็ยืนมองหน้ามัน
แล้วบอกว่า "มันไม่ใช่แบบนั้น"
เลยเหมือนทะเลาะกัน แต่เราก็ไม่ยอม ที่เรานะว้อยยยย
นั่งตั้งแต่เปิดเรียนจนวันนี้สามเดือนแล้วนะว้อย
มาเร็วได้ก่อนส้นตีนไรเนี่ย.....มีแต่พวกมันนั่นแหล่ะ เปลี่ยนกันอยู่สี่ห้าตัว

.....ควาย.....

อยากพูดคำนี้จริงๆ แต่มันคงไม่เข้าใจ...

ป.ล. ตอนนี้เรารวมบล็อกให้เป็นอันเดียวกันหมดแล้ว
จากเมนูด้านบนสามารถไป ในส่วน ดีไซน์ กับส่วน เรื่องราวได้
แล้วถ้ากดโฮม ก็จะมาส่วนบล็อกหลัก ส่วนรูปฟลิค ก็จะไปสไลด์โชว์รูปเลย
อันสุดท้ายคือ ส่วนติดต่อ จะลิงค์ไปหน้าข้อมูลของเราในเว็บฟลิค

ถ้าอัพอันไหนจะไม่มาใส่หน้าหลักแล้ว ก็กดๆ ไปดูกันเองล่ะกันนะ
แต่อันไหนแจ่มๆ อาจจะเอามายัดเยียดได้เหอๆ

ป.ล.2 ติ๊บหายไปไหนเนี่ย...

Thursday 22 June 2006

งานสองมาแล้ว Logodesign

กดเลย
ให้ความเห็นกันด้วยนะ
ขอบคุณครับ

ป.ล.เดือนหน้ากลับจะกลับไทยแล้ว ดีใจจัง

Tuesday 20 June 2006

งานแรกจาก บล็อกดีไซน์



เก็บภาพจากหน้าจอเราเองมาให้ดู
งานนี้ ใช้เวลาทำหลายอาทิตย์เหมือนกัน
(ความจริงทำๆ หยุดๆ เลยหลายอาทิตย์น่ะฮ่าๆ)

ไม่มีเทคโนโลยีอะไรเลย เป็น HTML ธรรมดา
ว่าจะเน้นการออกแบบแต่ก็แบบว่า...นะ
คือคิดว่ายังห่วยอยู่

ถ้าได้ทำเว็บอื่นอีก จะดีไซน์ให้ดีกว่านี้ครับ
เข้าไปดูได้ที่ Lannathai ดูแล้วช่วยติชมด้วย
ช่วยติกันเยอะๆนะ จะได้เอามาแก้งวดหน้าครับผม
อ้อ! มีลิงค์เสียบอกด้วยนะ

ป.ล.จะลงผลงานดีไซน์เรื่อยๆนะ ตั้งใจไว้ว่าแบบนั้น
ตอนนี้ก็มีสองสามอันที่เก็บไว้ว่าจะมาลง เดี๋ยวรอว่างๆจากช่วงสอบหน่อย
อ่านหนังสือหน้านึงใช้เวลา เป็นชั่วโมง...เกลียดภาษาญี่ปุ่นว้อย

Friday 9 June 2006

การเดินทางของเพื่อนแท้...



ประกาศ! ประกาศ!
ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ
ขณะนี้ "เพื่อนแท้" กำลังผ่านมาด้วยความเร็วระดับตุ่น

สำหรับผู้โดยสาร ที่มีความประสงค์ โปรดเตรียมตัวและใจ
สำหรับผู้โดยสาร ที่ไม่มีความประสงค์ โปรดหลีกทาง
ขอผู้โดยสารทุกท่าน โชคดี...จาก โอเปอเรเตอร์ ยานหมาน้อยไร้เพื่อน







คนหลายคน มีเพื่อน
คนบางคน อยากมีเพื่อน

คนหลายคน เริ่มพบเพื่อนใหม่
คนบางคน กำลังจากลาเพื่อนเก่า

คนหลายคน เกลียดเพื่อนบ่อยๆ
คนบางคน รักเพื่อนเสมอ

คนหลายคน ทิ้งเพื่อน
คนบางคน ถูกเพื่อนทิ้ง

คนหลายคน เพื่อนไม่เคยสำคัญ
คนบางคน เพื่อนสำคัญเท่ากับแฟน


ใช่ว่าคนทุกคนจะอยากมี "เพื่อนแท้"
แต่อย่างน้อยคนทุกคนคงอยากมีเพื่อน

หากวันนี้ คุณถูกให้เขียน เรียงความเรื่อง "เพื่อนแท้"
คุณจะเขียนมันอย่างไร และจะเขียนได้มากเท่าใด
แต่ที่สำคัญที่สุด ตอนนี้คุณนึกชื่อใครบ้างหรือยัง?

ถึงแม้จะนึกชื่อใครไม่ออก ใช่ว่าคุณจะไม่มีเพื่อน
และใช่ว่าจะไม่มีใครเรียกคุณว่า "เพื่อนแท้"
แต่หากว่า...

"...เพื่อนแท้กำลังเดินทางมา..."

ระหว่างการรอคอย และการเดินทางนั้น
คงมีบ้างที่เจ็บ คงมีบ้างที่ผิดหวัง
แต่...ขอเพียงทำความดีกับคนรอบข้างไว้ อย่างที่เคย
ก็คงไม่นาน...ไม่นาน...ที่เพื่อนแท้ของคุณจะเดินทางมา



จาก....ผู้โดยสาร ยานหมาน้อยไร้เพื่อนคนหนึ่ง
ถึง......เจ้าหญิง(ยัย)ปีศาจ

ป.ล. ไม่ได้อัพนานมากขอโทษเพื่อนๆทุกคนที่อาจหลงเข้ามาเสียรมณ์
ตอนนี้ลิงค์ข้างๆหายไป พอดีมั่วเรื่องเทมเพลตเผลอลบไปหมดเลย
ช่วงนี้มีโปรเจ็คต์ใหญ่ๆเยอะแยะเลย แต่ยังขี้เกียจเหมือนเดิมฮ่าๆ

Thursday 1 June 2006

ความสุข 15 นาที

อะไรเอ่ย แคบๆ กลมๆ
อะไรเอ่ย 20 บาทเอง
อะไรเอ่ย หมุนไป หมุนไป
อะไรเอ่ย 15 นาทีเท่านั้น
อะไรเอ่ย 2 คนพอเหมาะ

อะไรเอ่ย...
































คงไม่มีใคร ชอบที่ "มืด" และ "แคบ"
แต่ 15 นาทีตรงนั้น ที่ทั้งมืด และ แคบ
กลับมีความสุข เสียมากมาย

คนสร้างมันจะคิดมาก่อนไหมว่า
เจ้าสิ่งนี้จะน่ามหัศจรรย์ได้ถึงเพียงนี้

มันเองจะรู้ไหมว่า
ตัวมันช่างน่ามหัศจรรย์เสียมากมาย

และเราเองจะรู้ไหมว่า
เวลา 15 นาที ของเราสองคน



...มหัศจรรย์เหลือเกิน...





ป.ล. ไม่ได้อัพนานมาก แบบไม่ค่อยมีเหตุผล แต่ยังมีชีวิตอยู่นะ :)
ช่วงนี้โหลดบิททุกวัน เลยไม่ได้คุยเอ็มกับใครเลยแฮะๆ
ป.ล.2 เมื่อวานดูหนังเรื่องเพื่อนสนิท "เศร้าจัง"

Tuesday 16 May 2006

Train


Untitled-3
Originally uploaded by Dark.Angular.

เพิ่งอัพรูป...Lomo
จากฟิมล์สามม้วน แต่ดูได้ดีแค่ที่เห็นแหล่ะ

ว่าจะเขียนอะไรสักหน่อย...
มีจดไว้เยอะนะ แต่ไม่รู้จะเขียนอะไรดี

พักนี้รู้สึกการไหลของเวลา เป็นไปแบบพอเหมาะ
อยากให้เป็นแบบนี้ไปอีกสักพัก...
(ตอนเดือน7 มันคงจะตรงข้ามกับตอนนี้แหล่ะ...นั่นแหล่ะ)

ป.ล.ค่าไฟ ค่าแก๊สเดือนนี้มาแล้ว ไม่แพงมากดีใจ :)
แต่ค่าโทรศัพท์แพงเหมือนเดิม... Y_Y

Wednesday 10 May 2006

sakura006


sakura006
Originally uploaded by Dark.Angular.

ซากุระ อัพแล้วจ้า!
ดองไว้ซะนานฮ่าๆ ซากุระจริงร่วงซะหมดแล้ว...

ป.ล.พักนี้รู้สึกโดนกับเพลงพี่แมวมากๆ...ไม่รู้ทำไม
ชอบชื่อเพลงนี้มาก..."ชีวิตที่ไม่มีเธอ"...

Tuesday 9 May 2006

คำถาม...





















เป็นเพราะ...วันนั้น
เป็นเพราะ...สถานที่นั้น
เป็นเพราะ...ช่วงเวลานั้น
เป็นเพราะวินาทีนั้นที่คุณพูดว่า..."สวัสดีค่ะ"

แต่มันก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
เป็นเพราะ...ผมมันโง่...เอง
โง่เกินกว่าที่จะพูดออกไป


"พรุ่งนี้ไปกินข้าวกับผมซักมื้อนะครับ"

สุดท้าย มันก็เป็นเพียง...คำถาม...ในใจผม
.........................ตลอดไป..........................

ป.ล.บล็อกนี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่า...
คุณเชื่อใน...พรหมลิขิต...ไหม? :)
ป.ล.2 งานที่โรงเรียนยุ่งมาก...แต่อยากทำงานพิเศษจัง $$$ :p

Saturday 6 May 2006

watsotorn0005


watsotorn0005
Originally uploaded by Dark.Angular.

อัพรูปใหม่แล้ว!

เดี๋ยวจะอัพซากุระเป็นอันต่อไป...คิดว่านะ :)

Friday 5 May 2006

a lot like LOVE

เขียนเรื่อยเปื่อยมาเยอะและ
มามีสาระกันบ้างดีกว่า...เนอะ

กับหนังไม่เก่า ไม่ใหม่มาก...อาจเก่าแหล่ะ ฮ่าๆ






















ดูสองรอบแล้ว
รู้สึกชอบชื่อเรื่อง ที่มันเข้ากับเนื้อเรื่องอย่างมาก
(แต่ฉายในไทยเนี่ย...ใช้ชื่อห่วยมาก ถึงขนาดอ่านแล้วไม่อยากดูได้เลย)

ที่เพิ่งมาเขียนถึง เพราะเพิ่งไปหาเพลงประกอบของหนังมาได้
(เพิ่งได้มาวันนี้เองฮ่าๆ ติดตามดูที่ด้านล่างบล็อกนะครับ)

เนื้อเรื่อง...
พระเอกและนางเอกเจอกันที่สนามบิน
บนเครื่องบินนางเอกไปจัดการ...กับพระเอกในห้องน้ำ

หลังจากนั้น...
ทุกอย่างก็จบแค่นั้น (งงอ่ะดิ)

ต่อมาในระยะเวลา 7ปีของทั้งคู่
ในชีวิตที่ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างมีชีวิตส่วนตัว
แต่ก็ได้มามีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกันอยู่เสมอๆ

จนกระทั่ง...
(ไปติดตามดูกันเองดีกว่า)

รายละเอียดของตัวละครแต่ละตัว รวมทั้งบุคคลรอบๆ ตัวละครหลัก
ทำได้ค่อนข้างดี ทำให้หนังดูมีมิติมากเลย
ซึ่งมีบางฉากดีๆ ในหนังที่ผมชอบมาก














ฉากนี้พระเอกปรึกษาพี่ชายซึ่งเป็นใบ้

















ส่วนฉากเป็นตอนหลังที่พระเอกมาง้อนางเอก
ด้วยเพลงI'll Be There For You ของBon Jovi



เนื้อเรื่องก็ธรรมดาแสนจะธรรมดา
ตลกคอมเมดี้ที่ทุกคนก็คงจะเดาตอนต้น ตอนกลาง ตอนจบได้อย่างไม่ยาก
แต่ส่วนที่ผมชอบ และทำให้คิดว่าหนังเรื่องนี้จัดว่า ดี และประทับใจ
คือ มุมมองของความรัก ในแบบที่เรียบง่าย แต่กลับอบอุ่น

ขอให้สนุกกับหนังเรื่องนี้นะครับ


ป.ล.ข้อดีอีกอย่างคือเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ค่อนข้างดีมากทีเดียว มีสามเพลง
เอาไปฟังกันตามสบาย *ถ้าดูหนังก่อนแล้วมาฟัง จะยิ่งชอบมาก จริงๆนะ
what youve done
Breathe (2 AM)
I'll Be There For You

ป.ล.2 หลายวันก่อนแก๊สหมดตอนจะต้มมาม่าพอดี โครตเซ็ง...(แม่งเกี่ยวไรกับบล็อกวันนี้ฟะ)
บทเรียนครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่า ไมโครเวฟก็ทำมาม่าได้ (ใส่ผักใส่หมูด้วยนะ) :)

Wednesday 3 May 2006

On the day that...

On the day that buttlefly don't fly


















จากการเลี้ยงหนอนผีเสื้อ เมื่อตอนมัธยม2
ทำให้เราได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างกับ
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า...

ผีเสื้อ

และมีความจริงอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกแปลกใจมาก
กับไอ้เจ้าแมลงมีปีกสวยๆ ตัวนี้คือ...
ผีเสื้อบางชนิดนั้น มีชีวิตอยู่ได้เพียง...วันเดียวเท่านั้น

จะพูดว่า "ธรรมชาติโหดร้าย" ก็ได้อยู่ แต่คงใช่ที่
บางทีแล้วอาจเป็นเมตตาของธรรมชาติก็เป็นได้
ที่กำหนดให้สิ่งมีชีวิตสวยงาม มาผจญโลกเน่าๆนี้ เพียงแค่วันเดียว

ชีวิตเพียงหนึ่งวันของผีเสื้อ
คงไม่ได้มีคุณค่าอะไรเลยกับตัวมัน

ตั้งแต่มันออกจากไข่ เป็นหนอน
ก็ได้กิน กิน กิน...และกิน มาตลอด
เพื่อที่จะมาโบยบิน กินน้ำหวาน ผสมเกสร
เพื่อที่จะมาโบยบิน มอบความประทับใจแก่ผู้พบเห็น

หากแต่คงมีผีเสื้อบางตัวที่ยังคงไม่บิน และไม่คิดอยากบิน
มันคงสงสัยว่า มันจะทำเช่นนั้นเพื่อใคร และอะไร?

คำถามนี้ คงไม่ใช่เพียงแต่ผีเสื้อ กับมนุษย์ที่มีชีวิตยืนยาว
กว่าผีเสื้อเป็นพันๆเท่า ก็ยังเฝ้าถามตัวเองทุกเมื่อเชื่อวัน
หากแต่คำตอบก็ออกมาเพียงแค่...

บิน และ ไม่
เท่านั้นเอง

เมื่อเจ้ามีปีก ใยถึงไม่คิดบิน
เมื่อเจ้ามีสมอง และสองมือใยถึงไม่คิดใช้...

ป.ล.วันนี้ไปเดินเขามา เหนื่อยมากกกกกกกกสุดๆ แต่ก็สะใจ ไม่ได้เข้าป่ามาสักชาติได้แล้ว
ป.ล.2 ก่อนออกจากบ้านดันลืมปิดฮีทเตอร์ โครตจะเซ็ง...ค่าไฟกระจายแน่ตู

ป.ล.3 เซ็งไอ้เพื่อนไต้หวันที่ไปด้วยกันมากๆ...แม่ง...ยึกยัก...ตีนมาก

Monday 1 May 2006

What is the LOVE.
















How U can know "Love is important things" ?

When we are child all of us know what is To take Love...
But we never know how to give love.

When we are teen-age all of us know what is Make love...
But we never proving, that's call love or not.

When we are adult all of us know what is Lover...
But we never know how to forgiving.

When we are getting old some one know what is The love...
But we never have much time to love anymore.



Someone ill and know what's family love.
Someone geting poor and know what's lover love.
Someone got accident and know what's friend love.

But untill the end...some one never know what is the LOVE.

P.S.I have trip on this week i hope good weather will come :)
P.S.2 I don't understand why when somebody have time to do
but didn't do anything untill it's so late
at least I hope someone to be aware about this...

Thursday 27 April 2006

Every thing will.....




















The moon will rise
The sun will set

The wind will blow
The star will shine

The sky will dark
The rain will fall

The people will chit-chat
The car will run

Some one will fail
Some
one success

Some one will broken heart
Some one will Falling in love

The world will spin...and spin
Like every day we will breath :)

for.....who's so blues


P.S. I'am so tried at school, tried cause i think so much haaaaaa...
I must care the other people less than now. It's so hard.
P.S.2 Have many friend in thai will be a monk oh! they are 21 years old yet,
me too but what am I doing now in japan herrrr! I am so different form thai and also japan...

Tuesday 18 April 2006

เพราะบางคนก็ไม่ได้ผ่านเข้ามา...เพื่อ

"เพราะบางคนก็ไม่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
เพื่อที่จะเป็นอะไร...บางอย่าง...เสมอไป"



บางทีแล้ว...
  • คนรัก อาจเป็นแค่ เพื่อนรัก
  • เพื่อนรัก อาจเป็นแค่ เพื่อนสนิท
  • เพื่อนสนิท อาจเป็นแค่ เพื่อน
  • เพื่อน อาจเป็นแค่ คนรู้จัก
  • คนรู้จัก อาจเป็นแค่ คนไม่น่ารู้จัก
  • คนไม่น่ารู้จัก อาจเป็นแค่ คนที่ถูกเกลียด...
การรับรู้ ถึงน้ำหนักของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน
มันก็มีอะไรหลายอย่าง เป็นส่วนประกอบ
ทั้งเวลา เรื่องราว ความเป็นมา ความเข้าใจ ฯลฯ


...ในหลายครั้งที่เราอ่านนิทานเล่มเดียวกัน แต่เริ่มเปิดอ่านในหน้าที่ต่างกัน....


P.S.This blog hard more than I can use english. sorry :(
P.S.2 I fix this blog many time it's so hard even in thai.

On friday my class mate came to my home. I'm so tried for cooking, but it's very pleasant.I learned many thing from him and maybe he too, It good for beginner and next...I hope good thing will continue :)

This is a secret "I will be good friend for this guy" that I thought on that day.