Friday 27 October 2006

ห่างเพียงกาย...แต่ใจเราผูกพัน

การที่ชีวิตเรา ต้องพบกับผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา
ในโอกาส และเวลาต่างๆ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีเรื่องหนึ่ง

แต่ในหลายครั้ง เรากลับอยากจะให้คนบางคน
ที่ผ่านเข้ามานั้น ไม่ผ่านไป

เราเอง คิดแบบนั้นค่อนข้างบ่อย
และเชื่อด้วยว่า มันไม่ยากที่จะเกิดขึ้น
เพราะการที่คนเราจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อใครสักคนนึง
มันเป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นได้ยากเรื่องนึงทีเดียว

ถ้าเราพัฒนา ความสัมพันธ์ไปได้ด้วยดี
ก็จะทำให้เราอยู่ในวงโคจรเดียวกัน และไม่จากกันไปง่ายๆ

แต่หลายครั้ง เราก็ต้อง ผิดหวังและเสียใจ
กับการที่เขาก้าวเดินไป ในคนละเส้นทางกับเรา

ถึงตอนนี้...เราก็เริ่มจะเข้าว่าทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น
ไม่ใช่เพราะ ใครไม่ดีแต่อย่างใด
แต่เป็นเพราะ การที่จะมาเป็นอะไรที่มากกว่าคนรู้จัก
การที่จะมาเป็นคนที่อยู่ใน วงโคจรเดียวกันได้นั้น

มันต้องประกอบด้วย โอกาส เวลา
และที่สำคัญที่สุดคือ.....ความคิด

กับการที่ต้องจาก บางทีมันก็ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจ
เพราะมันไม่ใช่ ตอนจบของเรื่อง กับหลายๆคนนั้น

"เราจากกัน...เพื่อจะมาพบกันใหม่"

ก็เท่านั้นเอง


แด่.....ในวันที่เรายังคงนึกถึงกัน

ป.ล.คิดถึงคนหลายคนมากช่วงนี้ ยิ่งตอนฟังเพลง "พรุ่งนี้" ของโลโซ T-T
ป.ล.2เราจะได้เจอคนคนที่เรียกว่า ส่วนหนึ่งในชีวิตของเราได้อย่างไร
ถ้ามีเงื่อนไขที่ว่า คนๆนั้น ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกัน?

Friday 20 October 2006

ซ้ำเติม

เมื่อเห็นคนอกหัก ซึมเศร้า
เหงาหงอย จะกระทั่ง...คิดสั้น

เราก็มักจะตั้งคำถามที่ว่า "ทำไมถึงต้องซ้ำเติมตัวเอง"

แต่หากเรามองให้ลึกกว่าเดิม
เราก็จะนึกได้ว่า ไม่ใช่แค่ความรู้สึกด้านลบหรอก
ที่ทำให้คนเรา "อยากถูกซ้ำเติม"
แม้กระทั่งความรู้สึกด้านบวกที่รุนแรง
ก็ทำให้เรา อยากซ้ำเติมตัวเองได้ไหมกัน

หลายครั้งที่เราไปคาราโอเกะ แหกปก แหกคอ
หลายครั้งที่เราไปปาร์ตี้ เมาเละเมาเทะ
หลายครั้งที่เราฉลอง แล้วกินจนแบบ ไม่รู้ว่าเอาไปไว้ตรงไหน
หลายครั้งที่เป็นแบบนั้น อาจะเพียงแค่เพราะ...

ได้บรรจุงานใหม่ที่เราชอบ เอนท์ติด ได้เจอเพื่อนที่ไม่เจอมานาน
ได้โบนัสก้อนแรก ได้แต่งงาน...ฯลฯ
ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องดี ที่เราอยาก "ซ้ำเติม"

แต่ในเรื่องแย่ที่พบเจอ การซ้ำเติม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นอกจากการซ้ำเติมเรื่องแย่...มันไม่น่ามองเท่านั้นเอง

เรื่องอกหัก...คงเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต ของใครหลายคน
การซ้ำเติมตัวเอง หลายครั้ง มันก็ช่วยให้รู้สึกดีเหมือนกัน

แต่อย่าไปไกลเกินไป...ก็พอ

แด่.....เพลงเศร้า กับน้ำตา

ป.ล.วันนี้เตรียมงาน นิทรรศการที่โรงเรียนเหนื่อยมาก...
ไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่วุ่นวาย แล้วเหนื่อยได้ไงก็ไม่รู้
ป.ล.2 ทั้งๆที่ลืมไปแล้ว ทั้งๆเลิกเจ็บมานานแล้ว
บางทีเพลงเศร้าเพลงเก่า หวนเข้ามา มันก็ทำให้ชาๆขึ้นมาเหมือนกัน

Thursday 19 October 2006

การมีชีวิต เพื่อกันและกัน



เป็นจริงเรื่องเกี่ยวกับ
พ่อลูกคู่หนึ่ง ที่ได้รับรางวัล "พ่อดีเด่น" ในปีนี้

อาจจะฟังดูธรรมดา แต่มันไม่ธรรมดาเลย
ถ้ารู้ว่า พ่อคนนี้ ทำทุกอย่างเพื่อลูกที่...เป็นคนพิการ

เดี่ยวเล่าประวัติให้ฟังคร่าวๆ
ลูกที่ชื่อริคพิการในช่วงแรกเกิด ด้วยสาเหตุบางอย่าง
ซึ่งหมอบอกกับพ่อชื่อดิคว่า "เขาจะเป็นผัก"
แต่พ่อก็ยังยืนยังว่าจะเลี้ยงดูเขาเอง ต่อมาดิคได้รู้ว่า
ลูกตัวเองไม่ได้สมองพิการ เพราะเขาตอบสนอง
ต่อการเคลื่อนไหวของดิค อยู่ตลอด เพียงแต่พูดสื่อสารกันไม่ได้

พอสิบเอ็ดขวบ ดิคเริ่มแน่ใจว่าลูกไม่ได้พิการทางสมอง
จึงไปพบแพทย์เพื่อให้ช่วยเขาได้สื่อสารกับลูกเขา
แต่แพทย์กับบอกเขาว่า "เป็นไปไม่ได้" เพราะสมองเขาใช้การไม่ได้
ดิคจึงให้แพทย์ทดสอบด้วยการ ให้เล่าเรื่องตลก
ปรากฏว่า ริคหัวเราะ...ทีมแพทย์จึงได้ช่วยสร้างเครื่องมือที่ทำให้เขา
สื่อสารกับลูกได้ในที่สุด

หลังจากนั้น ริคกับดิค ได้มีความคิดที่จะ ทำอะไรบางอย่างร่วมกัน
นั่นคือ "การวิ่ง" รู้สึกว่าท้ายสุดเนี่ยจะได้รับรางวัลเกี่ยวกับการวิ่งด้วย
แต่ไม่แน่ใจนะ ไม่ละเอียด

ริคก็เรียนจบ และมีงานทำ วันพ่อปีล่าสุดริคจัดงานเลี้ยงให้พ่อเขาด้วยตัวเอง
อยากดูเพิ่มเิติม จิ้มตรงนี้

ริคพูดทิ้งท้ายไว้ว่า เกี่ยวกับรางวัลพ่อดีเด่นไว้ว่า...
``No question about it,'' Rick types. ``My dad is the Father of the Century.''

ซึ้งมาก T-T ถ้าเกิดมาพิการแล้วได้พ่อแบบนี้ ก็ไม่เสียชาติเกิดจริงๆ

และแล้ว...ความจริงกว่าก็ปรากฏ

ในเหตุการณ์ๆ หนึ่ง
ในช่วงเวลาๆ หนึ่ง
ในสถานะๆ หนึ่ง

เราสามารถมองเห็น เรื่องนั้นๆ เพียงแค่
ด้านใด ด้านหนึ่งเท่านั้น

แต่เมื่อตัวแปรที่เรียกว่า "เวลา"
และ "สถานะ" รวมถึง "เหตุการณ์"
ได้มีการพัฒนา หรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

เราคนเดิม ชื่อเดิม สมองเดิมๆ
อาจมองเรื่องราว เดิมๆ ได้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

บางครั้ง "ความเชื่อมั่น" ก็เป็นเรื่องดี
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
ความเชื่อมั่น คือสิ่งที่ถูก และควรยึดถือ ยึดติดเอาไว้

เพราะหลายครั้ง...เวลาก็ได้สอนให้เรารู้ว่า
"ในความจริง ยังมีความจริงกว่า..."

แด่.....ความจริงกว่าของรัฐประหารไทย

ป.ล.บล็อกนี้ฉุกคิดได้ตอนที่เถียงกับแม่เรื่องรัฐประหารกับ เรื่องทักษิณโดนบอมม์
ป.ล.2 แม่เคยคิดว่าทหารที่ก่อการเป็นพวกทักษิณ และเราเองก็เคยคิดว่าทักษิณไม่ได้วางแผนบอมม์ตัวเอง

Tuesday 17 October 2006

Evanescence - The Open Door


















มาแล้วอัลบั้มใหม่ล่าสุด Evanescence - The Open Door
บอกเลยว่า "ไม่ผิดหวัง" ตามเคย กับผลงานชิ้นนี้

(ก่อนหน้านี้ก็มี อัลบั้ม away from home ซึ่งมีเพลงใหม่สองสามเพลง
นอกนั้นเป็นการ เอาเพลงอัลบั้มแรกมาแปลง ให้ออกซอฟต์ลง
เป็นอัลบั้มที่ชอบมากสุด แต่เสียอย่างเดียว ไม่ค่อยใหม่ไง...)

ส่วนอัลบั้มนี้ยังใช้โทนสีผสม ฟ้าเขียว
ซึ่งน่าจะผสมมาจากอัลบั้ม1และสอง2 ซึ่งเป็นฟ้ากับเขียวเลย
และสีดำซึ่งเป็นสีหลักก็ยังอยู่

อัลบั้มออกมาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม แต่เพิ่งได้ฟังวันนี้แหล่ะฮ่าๆ
เพลงโปรทโมทที่มีออกมาคือ Call me when you're sober
(ไปยกมิวสิควีดีโอมาให้ดูด้วย จิ้มด้านล่างเลยครับ)


กับมิวสิค ก็ไม่ได้แปลกใหม่เท่าไร คงจะใหม่ฉากเหาะได้
แต่สี และบรรยากาศ ที่เป็นเอกลัษณ์ของวงทำออกมาได้ดี
เพลงะก็ไม่ได้แรง และซอฟต์มากเกินไป
เหมาะที่จะเป็นเพลงโปรโมทอย่างที่สุด

ที่ชอบที่สุดคือ ฉากเหาะ กับฉากเตะของ สุดยอด...
(ความจริง ฉากที่มีแดนเซอร์นั่นก็ชอบจริงๆ นะเนี่ย)

ป.ล. เหมือนเอมมี่ ผอมลง แต่ดูไปดูมาก็ฉุๆ เหมือนเดิมเหอๆ ชอบชุดแดง ของเจ๊แกมากเลย เข้าสุดๆ
ป.ล.2อัพหน้าผลงานแล้วครับ จิ้มเลย
ป.ล.3 ในพันทิพย์กับลังเถียงกันว่าถ้าไม่ใช้เกรียน ควรใช้อะไร มีอันนึงตอบ "กะหล่ำ" ถูกใจว่ะ

Friday 13 October 2006

ลึกๆ.....อ๊ะ!




ก็อย่างที่บอก...ลึกๆ.....อ๊ะ! ไม่ใช่และ
แต่ตอนจบ ก็เน้นเรื่องอย่างว่า...จริงๆแหล่ะ

เจอมาตอนหาข้อมูล เกี่ยวกับพิกโตแกรม(ป้ายสัญลักษณ์)
ไอเดียบรรเจิด...ฮามาก

ป.ล.เมื่อวานนอนตอนหกโมงเช้า วันนี้เกือบไม่ได้ไปโรงเรียน
แต่ไปสายมากๆ...สายไปสองชั่วโมง(เรียนวิชาละสามชั่วโมง) พระเจ้า...
แถมวิชานี้ หยุดไปแล้วสองครั้งด้วย...แม่งชอบป่วยวันนี้ทุกที

Monday 9 October 2006

he she it!

he she it! Jap ver. มาแแล้วครับ
tumkun1

ใครอ่าน a dayก็คงคุ้นกันอยู่
สำหรับการ์ตูนลายเส้นยุ่ง แต่ลึกซึ้ง
กับชื่อง่ายใน he she it!

เคยรู้มาว่า คุณตั้มที่เป็นนักเขียนเรื่องนี้
มีโครงการจะแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ครั้งล่าสุด
รู้ว่าคุณตั้มเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว

ก็ดีใจด้วยนะครับ ที่ได้ออกมาเป็นตัวเป็นตนกันแล้ว
ใบปลิวด้านหน้าใช้คำโปรยเล็กๆ ว่า "เรื่องราวหวานขม"
ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว ส่วนด้านหลังเป็นรายละเอียด
และสถานที่จำหน่าย ยังไม่ได้ไปดูของจริงเลย
มันไกลและยังไมค่อยจะ่มีเวลา แฮ่ะๆ

ราคาขายอยู่ที่ 1000เยน ประมาณ 300กว่าบาท
กับซีดีอนิเมะสองแผ่น ก็ค่อนข้างถูกนะเนี่ย!

ไม่รู้ว่าจะมีหนังสือออกมาหรือเปล่า...ในอนาคตน่ะนะ
แด่.....หนังสือภาพเรื่อง "ควันใต้หมวก"

ป.ล.1 เดี๋ยวว่างๆ จะไปสอยมารีวิวให้ดูครับ
ป.ล.2 วันนี้ไปกินเนื้อย่างมาก อร่อยอย่างแรง เดี๋ยวถ้าได้ไปกินอีก จะเอามารีวิวนะจ๊ะ
ไปกับพี่เอ๋ ฮาสุดๆ เพราะว่าพี่แกทำน้ำจิ้มกระจายใส่ตัวเอง (ขึ้นหัวเลยง่ะ สยอง...)

Wednesday 4 October 2006

Free Hugs

Inspiring Story! Free Hugs Campaign (music by sick puppies)



จากยูทิวป์
น่ารักดี...


ดูแล้วนึกถึงประเทศไทย!
ดูแล้วนึกถึงพ่อกับแม่ที่เมืองไทย!
ดูแล้วนึกถึงเพื่อนคนไทย!

ป.ล.แต่ดูไปดูมาแล้วเศร้าได้ เพราะความคิดถึง!

Monday 2 October 2006

焼肉


いらしゃい  いらしゃい!
七月八日 1Bの飲み会 場所:忘れた。

それから 皆さんの写真です ご覧ください。


HepFive!の最強モデル


腹へたんだ。。。


あれ!


キムチがあるかなぁぁぁぁ?


お兄ちゃんの焼き野菜の作戦?


なんだそれ、Yuichiro!


ユウちゃん、"へへへ、お腹がいっぱいでした。"


後は雨が降ったんだから解散しました。 
ところで、全部の写真はそこにあるクリックしてください。 ここです。
また、コッメンがあれば書いてください。


本とに楽しかった
1Bは良かったなぁ!
  ウット
dark.angular

กะละแมเปื้อนดิน















"อุ่นใดๆ โลกนี้ไม่มีเทียบเทียม อุ่นอบอ้อมแขน อ้อมกอดแม่แต่ก่อน
รักเจ้าจึงผูก รักลูกแม้เฝ้าห่วงใย ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียง ครึ่งวัน......"

แว่วเสียงเพลงนี้ผ่านวิทยุในช่วงวันแม่
นอกเหนือจากแม่แล้วก็ยังนึกถึง ค่ายๆหนึ่ง
ค่ายที่ทำให้เราไม่ได้กลับไปไหว้แม่ในช่วงวันแม่

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักหรอก
สำหรับคนที่ รักแม่อยู่เสมอ...

ต่อไปนี้ คือริวค่ายเลขครั้งที่ 7
พี่น้องคนใดช้ำใจ ต่อรีวิวนี้ อยากจะด่า สาปแช่ง
ก็ขอให้กดคอมเมนท์ แล้วละเลงได้ตามสบาย

หรือพี่น้องคนใดอยากช่วยรีวิวให้สมบูรณ์ๆๆๆไปอีก
ก็เชิญตามสะดวกเช่นกัน...
(จะขอใช้ตัวหนังสือเล็ก เนื่องจากมีเรื่องจะเขียนค่อนข้างมาก)

ครั้งแรกสุดที่ได้ไปดูน้องคือ ครั้งที่ซ้อมย่อยๆ ในห้อง
ขอบอกเลยว่า วันนั้นเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นไม่กี่วัน แต่ก็รีบบึ่งไปโรงเรียน
เพราะคิดว่าน้องคงซ้อมกันเกือบเรียบร้อยแล้ว ถ้าหล่นตรงไหนจะได้ไปช่วย

แต่พอไปเห็น งงมาก.....คือไม่รู้จะเริ่มช่วยตรงไหนก่อนดี!
ไม่ใช่ว่าน้องทำงานกันไม่ดี แต่น้องไม่สามัคคีกันเลย
เต้นก็ยังจะไปคนละทิศ ละทางแต่ แต่ไอ้ที่ไม่เต้นนี่...
ถ้าไม่เกรงใจอาจารย์ พี่จะเดินเข้าไปแล้ว ตบเข้ากบาลให้ดังๆ ซักคนละที
แล้วจะถามว่า "พวกมึงเต็มใจไหม? ถ้าไม่ นู่น!...ประตู"
(ที่เห็นๆ คือ ไอ้2ป๊อปกับเพื่อนอีกคนแต่พี่ไม่รู้จักชื่อ)

ผ่านวันนั้นไป พี่ก็งงๆ คืองงว่า อาจารย์ปล่อยให้มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร
และที่งงกว่าคือ มาถึงขั้นนี้แล้วจะไปต่อยังไง แต่ที่งงที่สุดคือ...
ไอ้เด็กค่ายเลข ม.หกเนี่ย ทำไรกันอยู่?

พี่เคยพูดกับน้องปีที่แล้วไว้ว่า
"เด็กค่ายเลขก็เหมือนกาละแม โดนจับแยก
ก็ยังจับมารวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ใหม่ โดยไม่บุบสลาย"

แต่ตอนนั้น พี่รู้สึกว่าสิ่งที่พี่เคยบอกน้องไป เคยพูดไป
มาถึงวันนี้จากสิ่งที่พี่เห็น น้องคงลืมคำพูดนั้นกันหมดแล้ว...สินะ
เพราะน้องทำตัวเหมือนกาละแมที่ตกสู่พื้น แล้วเปื้อนดิน
ซึ่งแม้จะขยำ จะปั้นอย่างไร มันก็จะไม่กลับมาเป็นเนื้อเดียวกันได้อีก

แตพี่ก็ไม่อยากว่าหรือพูดอะไรกับน้องตอนนั้น เพราะบารมีของอาจารย์
ที่เคยพูดกับพี่ไว้ว่า ถ้าทักอะไรไปแรงๆ แล้วน้องขาดกำลังใจ
น้องก็จะทำงานไม่ได้ดี ตลอดจนจบค่าย
(พวกแกก็เลยรอดตัวไป)

แล้วเรื่องถัดๆมา ตั้งแต่เรื่องซ้อมใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่หลายๆ รู้แล้ว (รุ่นพี่)
ปีนี้พี่เองยอมรับว่าพูดกับน้องเยอะมาก...เยอะกว่าปีไอ้แก่มาก (ปีไอ้แก่พี่ด่าไม่ได้พูดว่ะ)
อาจจะมีคนคิดว่าพี่ดุ แต่ไปถามพี่รุ่นก่อนเลยว่าปีที่แล้วเนี่ยสุดๆ...โดนกันยิ่งกว่านี้
(ทั้งโดนพี่ โดนพี่เน๊า โดนพี่ต้น โดนพี่นุ รุมสกรัมคิดเอาเองล่ะกัน เละไม่เละฮ่าๆ)

ไม่ใช่ว่าเพราะ มีอาจารย์อยู่ด้วย แต่เพราะพี่เจ็บคอ...อ๊ะไม่ใช่และ
แต่เพราะถ้าพูดแรงๆ พี่ม.หกอาจจะยิ่งแย่กว่าเดิม (จากที่แย่ๆอยู่แล้ว)
ขอบอกเลยว่า รู้ว่า พี่ม.หกพยายามมากๆ แต่ถึงจะพยายามแค่ไหน
พวกนายก็มีประสิทธิภาพแค่ 50% เท่านั้นเอง เพราะนายขาดน้องๆไป

จนวันสุดท้าย ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
แต่รู้ไว้ซะว่า ไม่ใช่เพราะโชคช่วย หรือโชคดี
แต่เป็นเพราะ พวกเราทุกคน พยายาม อย่างที่สุด

"หยาดเหงื่อ และน้ำตาที่ไหล ของใครหลายคน
คงเป็นสิ่งที่จะล้างดิน ที่เปรอะใจใครอีกหลายคนในที่สุด"

พี่รู้สึกดีว่ะ รู้สึกภูมิใจ...
ไม่ใช่ว่าเพราะน้อง มีความสามารถ หรือไม่ใช่เพราะน้องเรียนเก่ง
แต่เพราะน้องเป็นน้อง เป็นน้องที่พี่สอนได้ เป็นน้องที่รู้จักโต
และน้องเป็นคนเสียสละ คือสิ่งที่พี่ภูมิใจที่สุดกับน้องค่ายเลขปีนี้
พี่ๆ ทุกคนก็คงรู้สึกแบบเดียวกันกับพี่แน่นอน


บ่นมานานและไปดูรูปเก็บตกจากกล้องพี่กันดีกว่า




mathcamp002
โหมดใบหน้า มีวิสัยทัศน์

mathcamp013
เอิ๊กๆ อาจารย์พนิดาท่านเห็นด้วย...

mathcamp010
แจ๊บๆ ซู๊ดดดดด! (ละเมอ:ผมเห็นด้วยคร๊าบ)

mathcamp009
เอ้า 3,4 บูม..................................พะยูน

mathcamp008
...บรรยายไม่ออก...

mathcamp006
แฮะๆ สู้ตรายยยยย!

mathcamp007
ร้องเพลงเพี้ยน แล้วแอบมางีบ อุอุ

mathcamp005
ไอ้จูเนียร์ มันทำไรฟะ...?

mathcamp004
ไ้อ้นี่ว่าแฝดแล้ว...

mathcamp003
ไอ้นี่แฝดกว่า...(โปรดสังเกตุ จะชูมือก็เสือกชูคนละแบบ)

mathcamp011
ไม่หวายแล้วค่ะ...

mathcamp014
แอบอู้นี่หว่า!

mathcamp015
ไอ้นิคให้หมาเลียมือ...หลังจากนั้น

mathcamp017
หน้าบวมมมมมมไปเลย

mathcamp016
หิวจังเยย...

mathcamp018
ไอ้ชูสองนิ้วเนี่ย ที่ลาวเขาก็ฮิต!

mathcamp019
...บรรยายไม่ออก

mathcamp021
(ปิดท้ายด้วยรูปสี่ยอดมนุษย์ มีปกติคนเดียวคือไอ้อิ๊ก)

ใครอ่านมาถึงตรงนี้พี่ ก็ขอบคุณในความอดทน และพยายามอย่างมาก
และขอให้แอดมิดชั่นติดดังหวัง (ถ้าอ่านบล็อกยาวๆแบบนี้ได้ หนังสือก็แค่ของกล้วยๆ)
สุดท้ายที่พี่จะฝากเอาไว้

ไอ้เด็กม.ห้า ตั้งใจล่ะ จะกลับไปดูน่ะว้อย

ไอ้เด็กม.หก รักรุ่นน้องให้เหมือนที่พูดไว้ล่ะ

ไอ้เด็กรุ่นพี่รุ่นน้องหลายๆคน ถ้ามาค่ายแล้วไม่รู้จะช่วยอะไร
ก็มาบริจาคทรัพย์ให้ชมรมได้ แต่มาถ้ากินแล้วกลับแบบที่บางคนทำกันอยู่เนี่ย...แย่นะ

รุ่นพี่ รุ่นน้อง
พี่รู้ว่า รุ่นน้องบางคน มีปัญหากับรุ่นพี่บางคน
รุ่นพี่บางคน ก็มีปัญหากับรุ่นน้องบางคน
พี่ยอมรับว่าเรื่องนี้ แม้แต่ตัวพี่เอง ก็เคยมีปัญหากับรุ่นน้อง
และมันก็น่าจะยังคาอยู่ ถึงทำให้เจอกันแล้วมองหน้ากันไม่ติดเนี่ย...

แต่อยากจะบอกว่า การทะเลาะ การเคลียร์(ที่ฟังดูเท่ห์) มันไม่ใช่
การแก้ปัญหา แต่เป็นการทำให้ปัญหาไปถึงทางตัน และค้างอยู่แบบนั้น
ถ้าพอจะรู้สึกว่าทำผิดไป อะไรที่พอจะฟังได้ ทนได้ พูดได้ ก็รีบๆไปทำซะ

เพราะเมื่อเวลาผ่านไป น้องจะคิดอีกอย่าง คนที่น้องทะเลาะด้วยก็จะคิดอีกอย่าง
สมมุติว่าน้องคิดได้ว่าผิด ถึงตอนนั้นน้องก็ไม่กล้าขอโทษแล้ว
และคนที่เสียใจไปตลอดคือตัวเราเองที่ทำผิด.....อย่าให้มันถึงตอนนั้นเลยนะ

ลดฐิฑิกันลงบ้าง คนอ่อนกว่าก็ควรจะนอบน้อม ผู้ใหญ่กว่าก็ควรจะเมตตา
มันก็แค่นั้นเอง จริงๆ...


สุดท้ายที่พี่จะเตือน คือสิ่งที่พี่ไม่ได้เจอกับตัวเอง
แต่พี่คนอื่นเจอมา พี่อยากบอกและขอร้องกับน้องหลายคนตรงนี้เลยว่า "อย่าปีนเกลียว"

ขอโชคดีจงมีแต่ท่าน...สวัสดี
ป.ล. บล็อกครั้งนี้ยาวที่สุด เท่าที่เคยเขียนมาในชีวิตเลย ให้ตายสิ!
ป.ล.2 คนสำคัญอีกคนพี่แทบไม่ได้พูดถึงในค่ายเลยคือไอ้อั้ม
อยากชมว่าอั้มสันทนาการในค่ายได้ดีมากๆ อาจจะเป็นคนที่แม่นที่สุดในเรื่องนี้
พี่ขอบคุณนายมากๆ ที่แม้จะท้อจนเกือบท้อแท้ แต่ก็ไม่บ่นสักคำ...สู้ๆ นะไอ้น้อง

สักวัน...

สักวันดอกฟ้าจะโน้มลงมาหา ...

สักวันเครื่องบินจะตกใส่หัวหมา ...

สักวันนางฟ้าจะร่วงลงมา ...

สักวัน เธอจะเมตตามองมาที่หัวใจ ...


ป.ล.ไปเจอมา (ระบุที่ไม่ได้ ขอบคุณไว้ด้วยครับ) รู้สึกดีผสมขำ เลยเอามาแปะ
ป.ล.2 คิดเรื่องงาน คิดเรื่องเพื่อน คิดทบทวนการกระทำและคำพูด ของตัวเอง
นอนไม่หลับเลยง่ะ.....ตูเป็นไรฟะเนี่ย!