Thursday 4 December 2008

ไร้ค่า

คนไร้ค่าบางคน ก็ยังมีค่าให้ถูกเกลียดอยู่

ปรากฏการณ์

 "เฮ้ย มึงเห็นยังๆ"

"แปลกดีว่ะ"

"พี่ๆ ออกไปดูดิ"

"เฮ้ยๆ ดาวมันสว่าง"

"แม่ นอนรึยัง ข้างนอกเห็นพระจันทร์ไหม"

"ป๊าๆ ออกไปที่หน้าต่างเร็วครับ"

"น่ารักๆ เดี๋ยวพี่โทรหาเขาก่อน เดี๋ยวมันหาย"

"เฮ้ย กุเห็นแล้ว"

"อ้าว กุกำลังโทรหามึงพอดี"

...
.....






กุขอเรียกเหตุการณ์ในวันนั้น
ที่ทำให้ความคิดถึง มีโอกาสเดินทางถึงกัน ว่า
ปรากฏการณ์พระจันทร์ยิ้ม

Tuesday 28 October 2008

เพื่อนเก่า

ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว
เป็นสัปดาห์แห่งการเก็บกวาดหนังสือเก่า

ทั้งหนังสือ การ์ตูน นิตยสาร ฯลฯ
หนังสือเล่มแล้ว เล่มเล่า
ผ่านตา ผ่านมือ เดินทางลงกล่อง
ทุกล่มต่างมีปลายทางของมัน

บางเล่มแค่เห็นปก เนื้อหาของมันก็แจ่มชัด
เหมือนกับเพิ่งอ่านมันอยู่เมื่อวานนี้

บางเล่ม ถืออยู่นาน สองนาน
กลับไม่นึกคุ้น ทั้งที่เป็นหนังสือเล่มโปรด

จนต้องเปิดอ่านกันเสียหลายหน้า
เพื่อระลึกความหลังกันเสียหน่อย

เพื่อนดี ก็เหมือนหนังสือเล่มโปรดบนชั้น
ถ้าไม่หยิบ ไม่จับ ความทรงจำ ความประทับใจ
ก็บางเบา เลือนลาง ตามกาลเวลาและระยะห่าง

เพียงแต่หยิบขึ้นอ่านครั้งใด
กลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก







ได้พบ ได้สัมผัส ได้พูดคุย
กับเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย

อะไรเก่าๆ ในช่วงเวลาใหม่
มันอบอวล อบอุ่น อย่างบอกไม่ถูก :)



ป.ล. แรงบันดาลใจจากการเก็บการ์ตูนBOOMรายสัปดาห์ไปชั่งโลขาย แล้วนึกถึงต้น เพื่อนคนที่เราไปยืมการ์ตูนมันอ่านอยู่บ่อยๆ สองวันถัดมา เจอมันโดยบังเอิญ... ยังกับถูกหวยเลยตอนนั้น รุ้สึกดีจริงๆ 
ป.ล.2 วันถัดมา ได้เจอรุ่นน้องสุดซี้สองคน ทั้งที่ไม่คิดว่าจะเจอ ดีใจแทบกอดกันตาย เยี่ยมจริงๆ ความรู้สึกแบบนั้นเนี่ย!

Monday 6 October 2008

งานศพ

กุไม่ชอบงานศพ

คนตายสงบ
คนเป็นกลับดูวุ่นวายกันไปหมด




ญาติมิตร คนแล้วคนเล่า
รดน้ำ แล้วจุดธูปไหว้ยาย

เราช่วยกันปูกระดาษเงินกระทองใส่โลง
ให้ยายเอาไปใช้โลกหน้า

แม่กุเอาผ้าห่มของยายที่แม่เก็บไว้ ห่มให้ยาย
ผ้าห่มที่กุจำได้ว่ากุเคยใช้มันตอนเด็ก

ตอนเอายายใส่โลง น้องชายแม่กุ แม่กุ ป้ากุ
ทุกคนตาแดง

กุว่าทุกคนคงทำใจได้มานานแล้ว
ตั้งแต่ยายเข้าโรงพยาบาลเมื่อหลายปีก่อน

แต่กุว่า 
ความเศร้ามันเป็นคนละเรื่องกัน




กุเศร้า

กุเกลียดงานศพ

Friday 3 October 2008

HTC Pharos


มือถือใหม่ของข้าพเจ้า
แพงสุดตั้งแต่เคยซื้อมาในชีวิต

ทั้งที่ก็เป็นคนชอบใช้ของแพงๆ
แต่กับมือถือนี่ เน้นถูก โทรเข้า รับสาย
เสียงดังฟังชัด และถูก แค่นั้นพอ

เป็น ppc (โทรศัพท์ที่มีวินโดวส์ wm6) 
มีภาษาไทย และแผนที่ gps ในตัว

อ่อมีโปรแกรมดิคอีกอันทีใช้บ่อยๆ คุณภาพดีทีเดียว
น่าจะคุ้มกว่าไปซื้อ talking dict เป็นไหนๆ

ใช้มาสักพักแล้ว โอเคเลยแหล่ะ ใหญ่แต่บาง
ใส่กางเกงก็ไม่เทอะทะ เหมือน ppc เครื่องเก่า
สนน ราคา 14,900 บาท

ใช้มันส์มือมากๆ ถ่ายรูปชัดดี จอชัดดี
ตอนแรก ก็กะว่าอาจจะซื้อ iphone
คิดไปคิดมา เอานี่ดีกว่า คุ้นมือกว่าเยอะ
ข้อดีมีให้โม้อีกเยอะ

ประทับใจมากๆ หลังจากทีพลาด 5000บาท ไปกับ
ไอ้โทรศัพท์สองซิม ของ wellcom

ป.ล.วันนี้ไปลุยฟูจิมาคนเดียว แน่นมากๆ อยากกลับญี่ปุ่นไปกินซูขิเยอะๆ จังเลย

Sunday 28 September 2008

โทษ

การพบใครบางคน
อาจไม่ส่งผลใดต่อชีวิตเรา


การพบใครบางคน
อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปในอีกทาง


อย่ากล่าวโทษ
ถ้าชีวิตเราไม่เป็นไปตามหวัง
เพราะใครบางคน


ชื่นชม ยินดี
หากชีวิตเราดีขึ้น
เพราะใครบางคน


เรื่องร้าย ความเลว เราแก้ปัญหา
และเดินออกมาจากมันได้
ด้วยสองขา และสมองของเรา


โอกาสดีๆ เรื่องดีๆ
ไม่ได้มีบ่อยนัก
แม้เราจะพยายามในระดับหนึ่งแล้ว


มองตัวเองให้มากกันอีกนิด
ดีไหมเพื่อน?

Monday 15 September 2008

"แก่"

ผ่านไป ผ่านมา อายุ 20 กว่าเสียแล้ว
เริ่มคิดถึงคำว่า "แก่"

หลายคน(ที่แก่กว่า) คงจะก่นด่าในใจว่า
แค่ยี่สิบกว่าจะมาบ่นว่าแก่ ทำหาเขียด กบ ปู ทำไม


เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า


เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีภาระ
เริ่มรู้สึกว่ามีแต่คนเรียกพี่
เริ่มรู้สึกว่าต้องทำงาน หาเงิน
เริ่มรู้สึกว่าพ่อแม่ควรจะพักให้มากกว่านี้
เริ่มรู้สึกว่าอยากมีครอบครัว


เริ่มรู้สึกว่า ฯลฯ


เลยเริ่มรู้สึกแล้วจริงๆว่า เริ่มจะแก่แล้วนะ
ต้องเปลี่ยนชีวิตแล้วนะ
ต้องหาอะไรทำในอีกรูปแบบนึงได้แล้วนะ


ตอนนี้ก็ ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ใช้เวลาไร้สาระน้อยลง
อยู่กรุงเทพ 4 วัน อยู่แปดริ้ว 3 วัน
แบ่งชีวิตเป็นสองส่วน ครอบครัว การงาน และเรื่องส่วนตัว


อิสระที่หายไป และ หน้าที่ภาระที่เพิ่มขึ้น
เหนื่อยมาก...


แต่ถ้าปรับตัวได้ ปรับใจได้
ก็คงจะชิน แล้วดีขึ้นเอง








สิ่งดีๆ มันคงมา
เมื่อเวลาที่เหมาะสมมาพบกับความพยายามที่มากพอ

เอาใจช่วยคนที่กำลังแก่ทั้งหลายนะครับ ฮ่าๆ

Friday 12 September 2008

ลืม

Song : ลืม
Artist : ขอนแก่น
Intro : ???

อยากจะลืม...เรื่องราววุ่นวายในชีวิต
เรื่องราวที่ยังวนเวียนทำให้คิด...ถึงวันนั้นยังไม่จางไป

* คงไม่นานถ้าหากเราไม่คิดถึงใครๆ เราก็คงจะลืมมัน
เพียงนิดเดียวถ้าหากเราไม่ต้องพบเจออะไร...ที่มันผูกมันพันกัน

** มันคงไม่ยากเย็นเท่าไหร่ ถ้าวันนี้ไม่มีเค้า
และคงไม่ยากเย็นอะไรถ้าพรุ่งนี้มีเพียงเรา
คนเดียว...ไม่ต้องไปสนใจ มันก็แค่เรื่องเมื่อวาน...

อยากจะลืม...ใครสักคนที่ทำให้เราเหงา
ใครสักคนที่ยังคงทำให้เราเศร้า...แม้วันนี้ยังคงเสียใจ

(*),(**),(**)










ป.ล.เพลงเพราะ อีกเพลงของวัน
ฉลองต้อนรับ เปลี่ยนธีมใหม่ครับ :)

Tuesday 2 September 2008

มากกว่าที่

เสียงเอะอะโวยวาย ระคนเสียงพูดคุย
จากทั้งคนเมามาก น้อย และคนไม่เมา


ในรถบัส เสียงร้องเพลง ที่ฟังจับคำไม่ได้
ท่วงทำนองที่คุ้นเคย เสียงกีตาร์บางท่อน ที่แปร่งหู


ฟังแล้วไม่น่าจะดี ไม่น่าจะเพราะ
แต่ในวันนั้น เพลงเก่าที่คุ้นเคยนี้


กลับน่าฟัง และร่วมร้อง เสียยิ่งกว่าที่เคย









เพียงเพราะแค่
เรารู้จักกัน มากกว่าที่เคย..


จากทะเลนั้น หัวหิน

Friday 22 August 2008

เสียใจภายหลัง

เราพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า
ถ้าได้ทำอะไรลงไปแล้ว
จะต้องไม่เสียใจภายหลัง


ทั้งที่ในความจริง
ไม่มีทางเลย ที่เราจะรู้ว่า สิ่งที่ทำลงไปนั้น
มันดี มันถูก 100%


เราโตขึ้น
เราเรียนรู้ เราซึมซับ


รู้ว่า หลายครั้งในชีวิต
เราพลาด เราผิด แม้จะไม่ตั้งใจ


การหลอกตัวเอง
มันทำให้เราลืมไปเท่านั้นเอง


แต่ความเสียใจนั้น มันเก่า
เก่าเกินที่จะมาครุ่นคิดในตอนนี้

..
..
..

วันนี้เราได้บอกกับตัวเองว่า
อย่าเสียใจแบบเดิมก็พอแล้ว

Wednesday 18 June 2008

ความดี

เราทำสิ่งดีๆ
เพราะเราเชื่อ ในความดี

การทำเรื่องดีๆ เพื่อตัวเอง
ก็เป็นความดี แล้วในระดับหนึ่ง

การทำเรื่องดีๆ ให้กับผู้อื่น
ยิ่งเพิ่มคุณค่า มากไปกว่านั้น

แต่ในหลายครั้ง
เรากลับเหนื่อย และท้อ ที่จะทำมัน

ไม่ใช่เพราะ ขาดคนเห็น และชื่นชม
แต่เพราะ เราเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว่า
สิ่งที่เราทำนั้น มันดี และมีคุณค่า จริงๆหรือ
ไม่ว่าจะทั้งต่อตัวเอง และคนอื่น

หลายครั้งต่อหลายครั้ง ที่มันรุนแรง
จนต้องหยุดพัก สะสมแรงใจ แรงกาย กันอีกครั้ง




เพราะเรายังคงเชื่อใน "ความดี"

Thursday 12 June 2008


(กดเข้าไปอ่านแป๊บนึงก่อนนะครับ แล้วค่อยโหลด)
เวอร์ชันสำหรับดาวน์โหลดนั้นยังมีแค่รุ่นวินโดวส์ครับ
ถึงกระนั้น ใครใช้แมคหรือลินุกซ์ก็อย่าน้อยใจ ตามไปอ่านออนไลน์ได้ในลิงก์จ้ะ
(หาวิธีทำเวอร์ชันไม่วินโดวส์ได้เมื่อไหร่แล้วจะบอกอีกทีนะ)

ข้างบนยกมาจากพี่แอน เนื่องจากขี้เกียจคิด
เล่มนี้เสียดายที่ไม่ได้มีส่วนร่วมเลย เนื่องจากภารกิจรัดตัว
แต่ยังไงก็การันตี ฝีมือพลพรรคชาวฟอนต์

ได้ข่าวว่าเล่มนี้ อาร์ตเนี้ยบสุดๆ
แค่ได้ข่าวนะ เพราะว่ายังไม่ได้อ่านเหมือนกัน55

ป.ล.อ่านจบแล้ว ครึ้มอกครึ้มใจ ฝากทำแบบสอบหน่อยนะ
แต่อยู่ตรงไหนไม่รู้ในฟอนต์แหล่ะหุหุ -_-"

Saturday 7 June 2008

TaXi

บันทึกบทสนทนาในแท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่ง...



เขา: เมืองเอกเหรอครับ งั้นรู้จักแล้วครับ


ผม: ทำไมถึงได้รถสีเหลืองล่ะ ต้องจอง บ.ไหนเหรอ?
เขา: อ๋อผมดาวส์มาเลยครับ ตอนแรกสีอื่น แต่ผมไม่ชอบ
เลยให้ทำสีไป หมื่นกว่าบาท
ผม: (แล้วมึงจะทำ ทำหาไรเนี่ย...)



ผม: ขับรถมานานยัง
เขา: ถ้าแท็กซี่นี่ สองเดือนครับ
ผม: ....


ผม: แล้วไปทำใบขับขี่ที่ไหนล่ะ
เขา: อ๋อ ซื้อมาครับ จาก...บ้านผมเอง
ผม: ....



เขา: วันนี้ผมลืมมือถือมาด้วย แฟนผมให้กลับก่อนสองทุ่ม
ดูแล้วจะขอยาวหน่อย ค่ำๆ ได้คนเยอะ
ผม: เอามือถือพี่ก็ได้
เขา: ผมเกรงใจครับ


ผม: เอาเหอะๆ ใช้ได้ แต่ถึงก่อนแล้วโทรละกัน เดี๋ยวปิงปองมา
เขา: ไม่เป็นไรพี่ เปิดโฟนก็ได้ ถือคุยก็ได้แป๊บๆเอง
ผม: ... (ตะกี้เสือกบอกไม่เอา)


เขา: บลาๆ (กับแฟน)
เขา: ขอบคุณมากครับพี่ ผมเกรงใจมากเลย เดี๋ยวผมลดค่ามิเตอร์ให้นะครับ


ไม่นานหรอก คงจะเกรงใจจริงๆ ท่าทางเมียดุเลยต้องโทร 55
ตอนหลังแฟนไอ้น้องโทรมาเข้าเครื่องเราอีก ถามว่าพี่ลงจากรถเขาไปยัง
ขอคุยหน่อยค่ะ

เนื้อหามีอยู่ว่า มีคนมาขโมยราวตากผ้าไป... -_-"

ราวตากผ้าแม่งยังเอาอีก แสรด ไรเนี่ย...กูงง
แล้วก็เรื่องแม่เขามา เลยอยากให้แฟนรีบกลับบ้าน ประมาณนี้
(อย่าถามว่ากุรู้ได้ไง ก็กูได้ยิน โดยไม่เจตนานะแซ๊ดดดดส์)





แต่สุดท้ายก็ขับพากุมาถึงบ้านจนได้ ความจริงมันขับเก่งกว่าเราเยอะ
คุยกันมาเยอะ ได้ความว่า อายุ 23 อายุเท่าเราเลย
มีลูกแล้วคนนึง แม่เลี้ยงอยู่ ตจว แฟนกับไอ้น้องเนี่ย ทำงานใน กทม

ถามว่าทำไมถึงมาขับรถ บอกว่าค่าใช้จ่ายมันไม่พอ
จบม.หกมา ทำงานบริษัทได้เงินเดือนมากสุดก็แปดพันกว่าๆ
ขับแท็กซี่ได้มากกว่าเยอะ อย่างต่ำก็วันละห้าร้อย

มีรถเป็นของตัวเอง ตั้งใจส่งรถหมด มีโครงการซื้อปิ๊คอัพ
ทำงานอย่างอื่นต่อๆไป มีโครงการเล็กๆว่า รับคนบ้านเดียวกัน
กลับบ้าน แล้วคิดค่ารถเขาถูกๆหน่อย พอเป็นค่าน้ำมันได้

สรุปว่าที่ขับแท็กซี่เพื่อหาทุนก้อนนึงนี่แหล่ะ






เออ...อายุแม่งเท่าเรา เรียนน้อยกว่าเรา มีเงินน้อยกว่าเรา
แต่ชีวิตมันดูมีสาระเยอะกว่าเรามากเลย



มันรู้สึกเหมือน เจอเพื่อนดีคนนึง
อยากให้ไอ้น้องนี่มันได้ดีนะ กับสิ่งดีๆ ที่เขาคิด ที่เขาทำ
มันสมควรจะได้นะ รู้สึกแบบนั้น




คนที่จนกว่าเรา คนที่ด้อยกว่าเรา
ใช่ว่าเขาจะต้องเลว คอยเอารัดเอาเปรียบเรา

ยังมีคนดีๆ อีกเยอะ จริงๆว่ะ

Wednesday 4 June 2008

ภาพถ่าย

ประกาศไว้อาลัย
แด่ภาพถ่ายดิจิตอล ทั้งหมดของข้าพเจ้า

ภาพถ่ายทั้งหมดได้เดินทาง สู่ความสงบไปแล้ว
โดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันได้ตั้งตัว และสำรองข้อมูลไว้เลย

ไม่ว่าความสูญเสียครั้งนี้
จะเป็นสาเหตมาจากข้าพเจ้า หรือคอมพิวเตอร์

มันก็ทำให้ข้าพเจ้าได้บทเรียนครั้งใหญ่ T-T









"อดีต ไม่อยู่กับเรานาน..."

Friday 30 May 2008



Wellcom W828

มือถือตัวใหม่ของข้าพเจ้า ที่จะมาแทน HTC และ Moto
ที่พกอยู่สองเครื่อง เป็นลำบากกายายิ่งนัก

ให้คะแนนความคุ้มค่า 9.8/10 กันเลยทีเดียว
ส่วนคะแนนดีไซน์ภายนอก 7.5/10 พอไหว
ส่วนดีไซน์ภายใน...





เซ็ง






ไต้หวันหนอ ไต้หวัน
เลย์เอาท์ทั้งหลายแหล่ทำท่าเหมือนจะดี วางมาอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
มาตกม้าตายตรงหน้ากากของหลายๆโปรแกรม
ที่โบราณ และเห่ยมากๆ อย่างโปรแกรมเล่นเพลง ดูหนัง เปิดภาพ (แทบจะทั้งหมดก็ว่าได้)


หรือสัญลักษณ์เคลื่อนไหวต่างๆ ที่สีจัดจ้าน และเคลื่อนไหวไปในแนว
เรื่องของกู ตัวของกู ไม่มีกลุ่มก้อน หรือพวกพ้อง สอดคล้องแต่ประการใด
กับโปรแกรมอื่นๆในเครื่องทั้งสิ้น


ปวดหัวกับการใช้บลูทูชอยู่บ้างกับซิมรอง แต่อีกไม่นานคงชิน
และเสียงที่เบาไปหน่อย แถมไม่มีปุ่มเร่งเสียงให้
แต่เจือกมีปุ่มเร่งเสียงกดปุ่ม เอามาทำหาวิมานอันใด...ปวดเกล้า

(เห็นว่าปัญหาเสียงเบาคาดว่าจะขจัดได้
จากการโทรหาศูนย์พรุ่งนี้ เดี๋ยวจะมารายงานอีกที)






คิดในแง่ดีว่า...
ดีไซน์รวมๆ อาจเมคขึ้นมาเพื่อสนองความต้องของเด็กแวนซ์เป็นหลัก
ด้วยตัวงานเครื่องที่ดูมีกิมมิก้อนโตมากๆ กับลำโพงคู่หลัง
และงานภายในของโปรแกรม ที่ดูจี๊ดจ๊าด แสบร้อนยิ่ง


ผู้ที่แสวงหาความเรียบ ล้ำ ลงตัว
และทนไม่ได้กับอะไรแบบนี้ ก็ผ่านมันไปเถิด


แต่ผู้ที่คิดถึงประโยชน์ใช้สอยของสองซิมเป็นหลัก
และไม่ซีเรียสกับอะไรที่ข้าพเจ้าบ่นมาทั้งหมด
ไปหาซื้อมาเลย เพราะมันคุ้มค่าสำหรับท่านแน่นอน


ป.ล.เป็นความเห็นส่วนบุคคลจากดีไซเนอร์คนนึง

สวัสดี

Monday 19 May 2008

เข้าใจ

โลกกว้าง สอนเราให้รู้ว่า
คนมีหลากหลาย รูปแบบนัก

ความคิด การกระทำ จิตใจ นิสัย
ที่แตกต่าง

เราจึงยอมรับ และเรียนรู้
ในสิ่งที่เหมือน และแตกต่างจากเรา





และคิดเสมอว่า
เพราะความหลากหลายมันมี
ก็แค่รู้จักยอมรับมัน ก็จะดี



แต่อีกหลายคน ที่ไม่เข้าใจความต่าง
แต่ก็เป็นอีกหลายคนที่เรายังคงต้องอยู่ร่วมด้วย



ปล่อยวาง ทำความเข้าใจ
ให้กันบ้างได้ไหมครับ ผู้คนรอบข้างของผม

Friday 25 April 2008

คุณค่า

การมีชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้น ที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต
"Only a lived for others is a life worthwhile"

Tuesday 15 April 2008

ของรัก

ช่วงเตรียมตัวกลับเมืองไทย จนกระทั่งกลับมาแล้ว
แทบไม่ได้เข้าเว็บฟอนต์เลย ไม่ได้สนทนากับเพื่อนๆในฟอนต์ผ่านตัวหนังสือเหมือนเคย
ด้วยเพราะ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และความไม่เอื้ออำนวยของสถานที่


ทั้งๆที่เมื่อก่อน จับคอมพิวเตอร์เป็นไม่ได้ จะต้องรีบเข้ามาอ่านนู่นอ่านนี่ทันที
แทบจะลงแดงตาย ถ้าไม่ได้วันไหนไม่ได้เข้าฟอนต์


พอเริ่มห่างมาระยะนึง ความรู้สึกมันเปลี่ยน
จากที่เราเคยคิด เข้าใจว่า ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา
ตัวเราเองก็เป็นส่วนนึงที่นี่


แต่ความรู้สึกนี้ มันยิ่งไกล ไกลออกไป
สิ่งที่เรารัก เคยรัก และยังคงรัก
ทำไมถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้


ในสภาพแวดล้อมหนึ่ง เราให้ความสำคัญกับของสิ่งหนึ่งมากๆ
แต่อีกสภาพแวดล้อมหนึ่ง กลับมีสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่ารออยู่


รู้สึกแย่ที่เหมือนต้องห่าง
รู้สึกยาก ที่จะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม


มันมากกว่าคำถามที่ว่า เราจะเล่นฟอนต์ไปถึงเมื่อไร
แต่มันเป็นคำถามที่ว่า เราจะรักและอยู่กับสิ่งที่เรารักไปได้แค่ไหน






ชีวิตนึงของคนเรา มีสิ่งที่เป็น "ของรัก" มากเหลือเกิน

Monday 7 April 2008

แท็กซี่

การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ สองชั่วโมง
ทำเอาผมเหนื่อย และเมื่อยล้า
ผมอยากพักผ่อน กับแอร์เย็น ความเงียบ

แต่การที่ผมต้องมานั่งฟังพี่สบถด่ารถคันอื่นๆ
พี่ครับรู้ไหมว่า ผมรำคาญมากมาย











"น้องๆ แบ๊งร้อยเกินมาใบนึง"







พี่ทำเอาผมอึ้งไปมากเลย
แท็กซี่คันนึง ที่ก็หน้าตาเหมือนแท็กซี่อีกหลายร้อยคันใน กทม
แต่แท็กซี่คันนี้ อาจจะเป็นแท็กซี่ไม่กี่คันบนโลกนี้ก็เป็นได้





ที่ผมรำคาญพี่ในใจ ผมขอโทษครับ
ครั้งต่อไปผมจะไม่รำคาญพี่แล้วครับ ผมจะช่วยพี่ด่ารถคันหน้าด้วยเอ้า!

ป.ล.ช่วงนี้กำลังปรับปรุงบ้าน ทำเรื่องเรียนต่อ เนตไม่มีเล่น ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถ้าบ้านเสร็จแล้ว เรื่องเรียนเสร็จแล้ว คงมีเวลาทำอะไรๆ มากขึ้น

Tuesday 25 March 2008

เมื่อวาน

ปล่อยสายตาไปกับ ภาพวิวต่างๆ ที่ฉายผ่านหน้าต่างรถ
เพลงทั้งเพราะ และไม่เพราะคลอกันไป เพลงแล้วเพลงเล่า


ริมทะเล เราหย่อนตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
หรือเป็นน้ำหนักแห่งความคิดต่างหาก ที่ฉุดเราทรุดลงไป


ไออุ่นจากแดด ลมเย็นจากทะเล พัดผ่าน
บทสนทนาสั้นๆ ไร้สาระ เกิดขึ้นเป็นระยะ


รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ที่ได้หนีจากชีวิตประจำวันออกมา
แต่ความสุขปนเศร้าที่เป็นอยู่ มันมาไกลเกินคิดไว้


สายตาที่เพ่งมองถนน ค้นหาทางกลับบ้าน กลับดูเต็มไปด้วยความคิด
หลักกิโลที่ผ่านไป ครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเราใกล้ถึงบ้านแล้ว


กลับไม่มีใครดีใจ




มันเกิดขึ้น และมันจะเกิดขึ้น
เพราะการลาจากมันก็เป็นแบบนี้เสมอ



ความเหงาและเศร้า มันก่อตัวขึ้นภายใต้ความเงียบ...


ป.ล.เมื่อวานพี่แพะพาไปเที่ยวมา สนุกมากๆ นั่งรถกันปวดก้นเลย ออนเซนดีมากๆ อาหารอร่อย ไปสองวัน กินกันไม่เลิกเลยตลอดทริป

Friday 21 March 2008

ONCE: Falling Slowly



Glen Hansard - Falling Slowly Lyrics

I don't know you
But I want you
All the more for that
Words fall through me
And always fool me
And I can't react
And games that never amount
To more than they're meant
Will play themselves out

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you have a choice
You've made it now

Falling slowly, eyes that know me
And I can't go back
Moods that take me and erase me
And I'm painted black
You have suffered enough
And warred with yourself
It's time that you won

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you had a choice
You've made it now

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you had a choice
You've made it now
Falling slowly sing your melody
I'll sing along


เพลงจากหนังเรื่อง ONCE
อ่านรีวิวจากบล็อก PRADT น่าดูอย่างรุนแรง
เลยแก้ขัดด้วยการไปหาเพลงมาฟังแล้วก็เจอเพลงนี้แหล่ะ

Tuesday 18 March 2008

omoide

สามปีครึ่ง กับตัวเอง
ทุกอย่างผ่านไป คล้ายจะช้า คล้ายเร็ว

สามปีครึ่ง ในห้อง ที่ไม่ใช่บ้าน
สามปีครึ่ง ในสถานศึกษา ที่ไม่ใช่โรงเรียน
สามปีครึ่ง ในหมู่คน ที่ไม่ใช่เพื่อน

คน ที่ไม่ใช่คนของเรา
สถานที่ ที่ไม่ใช่ที่ของเรา

เรารอคอยตอนจบของมันมาเนิ่นนาน
วันนี้ตอนจบนั้นได้มาถึง อย่างสมบูรณ์แล้ว...






แต่เรากลับ ไม่อยากให้มันจบเสียแล้วล่ะ


เพราะตอนนี้ ช่วงเวลาสามปีครึ่ง
มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปเสียแล้ว

หนังสือเล่มเล็กๆ ที่หน้าปกเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นว่า OMOIDE
ที่แปล่วา ความทรงจำ (ในด้านดี)

ที่ระบายแต่งแต้ม ไปด้วยลายมือของเพื่อนทุกคน
ในเอกกราฟฟิก


แม้อะไรๆ มันจะมาช้าไปบ้าง
แต่ก็ดีใจ ที่ได้รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของเรา มีค่ากับคนอีกหลายๆคน

คนเราคงไม่มีใครด้านชา ต่อความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน
แต่แค่มันแสดงออกมาในรูปแบบ และโอกาส ที่ต่างกันเท่านั้นเอง

สามปีครึ่ง แห่งความทรงจำนี้
จะเป็นอีกหนึ่งในไม่กี่สิ่ง ที่เราตั้งใจจะรักษามันไว้เป็นอย่างดี
ขอบคุณทุกคนมากๆ

ป.ล.เรื่องมันยาวมากๆ เล่าย่อๆ วันนี้เป็นวันพิธีจบการศึกษา ระหว่างงานเลี้ยงเพื่อนมันก็เดินมาล้อมเรา ก็งง ทำไรกันวะ ปรากกฏว่ามันให้หนังสมุดเล่มนี้มา มีมินามิกับอาซามิ เป็นคนเลือกให้เราเอง จากสมุดโน้ตที่เป็นของสะสม แล้วเอามาให้เพื่อนๆ เขียนข้อความให้กับเรา โอ้...ซึ้งมาก ยังไม่จบแค่นั้น ตอนเย็นไปเลี้ยงกันต่อ กำลังได้ที่ เพื่อนๆ ก็โยนของขวัญมาให้แกะ แล้วบอกว่าเพื่อนในห้อง รวมเงินกันซื้อมาให้ เป็นชุดยูกะตะครบเซตพร้อมรองเท้า คือเราหาซื้อมานานแล้ว แต่มันหาไม่ได้ เพราะไซส์รองเท้า บวกกับไม่ใช่ฤดูที่จะใส่ชุดนี้ด้วย แต่มันหามาให้เราจนได้ วันนี้วันเดียว เปลี่ยนชีวิตเราเลยจริงๆ

Tuesday 11 March 2008

ปิดโปรเจค

ปิดโปรเจคแล้ว
ขออนุญาติหนีเที่ยว 6 วันครับ

เดี๋ยวกลับมาแล้วจะอัพรูป และอื่นๆ ที่ดองไว้
ตั้งแต่เมื่อ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...

ออกเดินทาง สี่ทุ่มห้าสิบ ณ วันนี้

ป.ล.ขรชก ในวัง มาดูงานที่โรงเรีย ให้กับพระเจ้าหลานเธอฯ (ไม่ได้เสด็จมาด้วยนะครับ) ก็ไปต้อนรับ พูดคุยมาครึ่งวัน ทำงานฟรี เมื่อยดี แต่ได้พูดภาษาไทยด้วย ฮ่าๆ

Saturday 8 March 2008

ไม่อยากเปลี่ยน

ทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง
วันนึง ก็ต้องแยกย้าย ต่างคนต่างไป

ทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมเปลี่ยนแปลง
ไปในทางของมัน

ก็รู้ และเข้าใจ
แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริง กับทุกคนไหม

สิ่งดีที่เป็นอยู่ จำเป็นจะต้องเปลี่ยน
กลายเป็นไม่ดี เหมือนที่เคย

สิ่งที่ไม่ดี จะกลับกลาย
เปลี่ยนเป็นสิ่งดี เสมอไป จริงหรือ

ถ้าไม่อยากเปลี่ยน จะได้ไหม
ถ้าไม่ยอมรับการเปลี่ยน จะได้ไหม

โลกตอนนี้ ไม่มีที่สำหรับ
เด็กที่ไม่รู้จักโตใช่ไหม

Thursday 28 February 2008

บ้าน

บ้านหลังเล็กๆ
ไม่กว้าง ไม่ใหญ่ ห้องไม่เยอะ
ไม่มีสวน มีลานจอดรถเล็กๆ กับรถเล็กๆ

คนในบ้านยิ้มแย้มแจ่มใส
มีเสียงพูดคุย ตลอดเวลา
ข่าวนู่นนี่ ดินฟ้าอากาศ
หน้าที่การงาน ไปจนถึงชีวิตส่วนตัว

อาหารเช้า มื้อเล็กๆ
กับบทสนทนาทางโทรศัพท์กับคุณตาเพียงไม่กี่นาที
เพลงเพราะๆ ระหว่างที่เก็บที่นอน
อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แต่งตัว


ชั่วขณะนั้น ผมนึกถึงบ้านของตัวเอง...


บ้านหลังใหญ่ ห้องมากมาย
สวน กรงนก น้องหมา ตู้ปลา
โรงจอดรถที่ยัดรถได้ห้าคัน

ไม่เคยมีอาหารมื้อเช้า
ทุกคนตื่นด้วยตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเอง
ออกจากบ้านไปโดยที่บางครั้ง ไม่เจอกันด้วยซ้ำ

กลับบ้าน ทำงานของตัวเอง
ห้องครัว ข้าวอุ่นๆ และกับข้าวพร้อมอยู่ในสำรับ
โต๊ะกินข้าว เก้าอี้รายล้อม
ทั้งที่เราใช้เก้าอี้ไม่เคยเกินหนึ่งตัว

บ้านใหญ่หลังนี้ มีไว้เพื่อใคร
ในเมื่อมันเป็นบ้านที่ไม่เคยมีใคร

ป.ล.เมื่อวานไปค้างบ้านพี่แพะมา ตอนแรกช่วยแบกของไปส่งเฉยๆ แต่พอดีดึก ดึกไปดึกมา ไปๆมาก็เลยค้าง แต่ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย ไปรบกวนเขาจริงๆ บ้านน่ารักมาก อบอุ่นมาก ซาบซึ้งมาก โอ้...เกินบรรยาย เป็นอีกหนึ่งวันที่ดีในชีวิตนี้

Saturday 23 February 2008

น้องส้ม

วันนี้ไปเดินดูแฟลชมือสองมา
อยากได้มานานแล้ว กะเอาไว้รับงานพิเศษนิดหน่อยๆ
เลยไปเดินหาตามร้านมือสอง

ตัวที่อยากได้ไม่มีเลย มีแต่รุ่นเก่ากว่า ข้อมูลไม่มีก็เลยไม่กล้าซื้ออีก
เสียเงินไป จะไม่คุ้มที่ได้ ไม่เอาดีกว่า เฮ้อ... เหนื่อย

เดินไปเดินมา ไปเสียเงินกับไอ้หูฟังนี่อีก
ตอนแรกกะซื้อไม่เกิน 6000 yen ลองอยู่นานมากๆ
ตัวนั้นเสียงไม่ดี ตัวนี้ใส่ไม่สบาย ตัวนู้นหนัก

สรุปเลยได้น้องส้มตัวนี้มา เป็นของ Audio-Technica
เสียงดีมาก ใส ให้เสียง treble ได้สูงดีมากเลย ถูกใจสุดๆ

ค่าตัว 7,880 yen ต้องอดขนมอีกอาทิตย์นึงกันเลยทีเดียว

ป.ล. ซื้อสีส้มมาแหล่ะ สีขาวมันเก่าๆ สีดำมันก็เฉยๆ พอซื้อเสร็จนั่งรถกลับบ้านเลย มีลังเลนิดๆด้วยว่า กูเปี้ยวไปเปล่าวะเนี่ย หูฟังอันควายๆสีส้มเนี่ย ฮ่าๆ
ป.ล.2 พนักงานลุงๆ ดูนิ่งๆมากตอนแรก แต่พอเราขอลอง เอาไอพอดไปต่อ เขาก็ให้นะ ใจดีมาก ถามอีกว่า ลองอันไหนอีกไหม ลองไปเรื่อยๆได้เลยนะ สุดยอด ประทับใจ

ไม่เพียงพอ

เพราะแผลลึกที่มี เวลารักษามันไม่ได้
เจ็บ และปวดทุกครั้ง แม้เพียงสัมผัสแผ่วเบา
ฉันไม่สามารถเยียวยามันได้ด้วยตัวตนเอง

ฉันคาดหวัง อะไรบางอย่าง
ในความสัมพันธ์ และผู้คนที่ผ่านเข้ามา
อะไรก็ตาม ที่จะช่วยรักษาความเจ็บนี้ได้

ฉันเลือกคนอ่อนโยน อบอุ่น ติดตาม พึ่งพิง
แต่ในการเติมเต็ม กลับถูกกัดกร่อน ด้วยเรื่องเล็กๆ ที่มองไม่เห็น
สะสม เต็ม ล้น ชะล้างทุกอย่าง ที่ดี ที่เคยมี

คนแล้ว คนเล่า วนเวียน และเนิ่นนาน...

คนที่อยู่ข้างฉันได้ กลับเป็นคนเศร้า เหงา
และมีแผลลึกเช่นเดียวกับฉัน




คนที่มาจากโลกที่อบอุ่น
ไม่เข้าใจคนที่ยืนอยู่ในโลกอีกฝั่ง
ความไม่เข้าใจ มันทำร้ายกันและกัน

คนที่อยู่บนโลกของความเหงา เหมือนๆกัน
ก็ไม่อบอุ่นพอ ที่จะเติมเต็มให้ใครได้...

Friday 22 February 2008

ฮอกไกโด หัวโต กินแกลบ~



ไปเที่ยวฮอกไกโดมาจ้า (06/01/2008)
ไปเล่นสกี แล้วก็ทัวร์กินกันอย่างเมามัน
ทริปนี้ไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไร เพราะข้าพเจ้าแพ้ความหนาว

รูปและเนื้อหาเพิ่มเติม ไปลุยกันต่อได้ที่ multiply นะครับ
รับรองไม่ผิดหวัง

คนธรรมดา



Song: คนธรรมดา
Artist: August Band
Album: Thanx

วันเวลาที่แสนสวยงามของเรา อาจจบเท่านั้น
เป็นเพียงเพราะเราใช้มันทำให้กันและกัน ต้องเสียใจ
เมื่อความเป็นจริงวันวานเมื่อวานมันผ่านไป แต่เรายังหวัง
ให้รักที่เหลือเจือจางเป็นอย่างเดิมทุกอย่าง เราใฝ่ไปเกินฝัน

จนเป็นความไม่เข้าใจ เวลาจะแปลอะไรจากที่เป็น
ไม่เว้นแม้รัก ที่ผูกพันธ์และเสียดาย จนวันนึงมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก

บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา
บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป
บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ
ในความหมายรักลึกซึ้งและแสนยิ่งใหญ่ กว่าใครครอบครอง

เราเคยคิดว่าเราสองเราก็ต่าง เข้าใจในรัก
และพยายามทำเหมือนว่าเราเคยรู้จัก ความไว้ใจ
ก็เคยสัญญาว่าไม่ครอบครองเราแค่ ประคองกันไว้
แต่ความรักนั้นทำให้ทุกอย่างมันไม่ง่าย
โอ้ เราใฝ่ไปเกินฝัน จนเป็นความไม่เข้าใจ
เวลาจะแปลอะไรจากที่เป็น ไม่เว้นแม้รัก ที่ผูกพันธ์และเสียดาย
จนวันนึงมันเปลี่ยนเราไปคล้ายใคร ไม่รู้จัก

บางทีเราเป็นเพียงคนโง่ บางทีเราเป็นเพียงคนเหงา
บางทีเราอาจเพียงต้องการแค่เรา ที่หายไป
บางทีเราเป็นเพียงคนหนึ่งธรรมดา ที่ไม่เข้าใจ
ในความหมายรักลึกซึ้งและแสนยิ่งใหญ่ กว่าใครรู้

แล้วมันจะผ่านพ้นไป หรือเปล่า แล้วเราจะลืมได้เมื่อไร
แล้วใจที่พังยับเยินใครจะเอาไว้
รักคือที่มาของความสุข และรักก็เอามันคืนไป
ไม่รู้ใครบอกฉันสักทีว่าความรัก มันคืออะไร มันคืออะไร~
ใครบอกฉัน~~~~~~

ป.ล. ยังไม่หลุดพ้นจากวังวนของ "รักแห่งสยาม" เก็บไว้กันลืม เพลงที่อยากเล่นอีกเพลงในตอนนี้ รู้สึกมันตอบโจทย์ชีวิตของเราได้ถึงเนื้อในเลย ชอบครับ

Wednesday 20 February 2008

รักแห่งสยาม


เพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้ จากvcd
ชอบนะ ต่างจากซีซั่นเชนจ์ที่คิดว่าจะชอบ แต่สรุปก็งั้นๆ

แต่รู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองจะด้อยไปหน่อย เพราะดันไปอ่านสปอยล์
กับบทวิจารณ์ก่อนดูมาซะเยอะแยะ พอตอนดูเลยเสียฟีลไปเหมือนกัน

ดูคล้าย love actually ตรงที่ตั้งใจเปิดประเด็นรักในหลายมุมมอง
แต่คิดว่าทำได้ดีกว่า ในเรื่องบท และปมของตัวละคร

ที่ชอบอีกอันคือเรื่อง เพลง ทำมาได้ดี เข้ากับจังหวะ ถึงอารมณ์
มีอันนึงที่เป็นจังหวะกีตาร์ คล้ายๆ เพลงของเด็กโต๋เลย (ชอบมาก)

ที่รู้สึกขัดๆ ไปหน่อยคงเป็นเรื่องบทพูดบางอัน
กับการแสดงของตัวละครที่เป็นเด็ก
แต่ถ้าไม่จุกจิกก็โอเคนะ ไม่รุ้สึกอะไรหรอก

เรื่องเกย์ไม่เกย์ ยัดเยียด หลอกลวง พวกนี้ ไม่อยากพูดแล้ว
เถียงกันเป็นร้อยกระทู้แล้วมั้งในพันทิพย์
มันก็เหมือน คนชอบกินส้มตำ เกลียดปลาร้า แต่ดันไปเผลอกินส้มตำปลาร้า

ถ้าลดอคติลงหน่อย ดูด้วยปัญญา จะพบอะไรเยอะครับ
ปฏิกิริยาสองขั้วที่เกิดขึ้นนี่แหล่ะ ที่เป็นตัวบอกว่า หนังมันดีจริง

อยากให้อ่านบทความของ onopen รักแห่งสยาม เขียนได้ดีมากจริงๆ

ป.ล.อยากดูแบบฉบับยาวมาก จะฝากไอ้ต้นซื้อ แต่กะแล้วว่าไม่ทันแม่งซื้อไปแล้ว ตอนหลังเลยฝากเต้งไปดูให้ที่ B2S ก็ดันไม่มีต้องไปเซนทรัลเวิลด์ กลัวมันลำบาก เลยไม่เอาดีกว่า เห็นว่าจะมีออกต้นเดือนมีนาอีกทีแบบไม่ใข่ลิมิตเต๊ด ค่อยไปซื้อก็ได้ เพราะแค่อยากได้ฉบับยาว ไม่ได้อยากได้ของแถมอื่น

สายใย

หลายครั้ง ที่เราก็ไม่รู้ว่า
ความผูกพัน ยังคงสาน และถักทอ
ความรู้สึก ของเราอยู่เงียบๆ

เรื่องเล็กๆ ในอดีต ได้ออกแรงกระตุกมันอย่างแผ่วเบา
แทบไม่อาจรับรู้ หากเราเองไม่ต้องการ

ถึงตอนนี้ คงต้องตัดสินใจ
ทางเลือกมีสอง เก็บเข้ามา หรือตัดมันทิ้งไป






เราหยุดรู้จักกันไปนานเหลือเกินเพื่อน
นานจนเราไม่แน่ใจว่า อารมณ์สุข และความอุ่นใจตอนนี้
มันจริง หรือคิดไปเอง

Sunday 17 February 2008

เปิดตัว ฟอนต์สุดฯ



ฟ้อนสุดฯ ฉบับปฐมฤกษ์
เอิ้กเอิ้ก

ขนาดไฟล์ 20 กว่าเม็ก สำหรับเปิดในวินโดวส์เท่านั้นจ้ะ
ใครใช้แมคก็ซวยไป เปิดวินโดวส์ในนั้นอ่านโลด


นิตยสารฟอนต์สุดฯ จากความร่วมแรงร่วมใจของสาวกฟอนต์
โดยมีบอกอเขียวเป็นผู้นำทัพ และพี่แอนเป็นผู้สนับสนุน
ตีมเนื้อหาคือ "เดือนแห่งความรัก" มีนักเขียนจากทุกสาขาอาชีพ

ได้ข่าวว่าฮามากมาย สาระ...(มีไหมไม่รู้)
เพราะข้าพเจ้าเองก็ยังไม่ได้อ่าน ไม่มีวินโดวส์ใช้ T-T

ถ้าโหลดช้าหรือไม่ได้ ลองไปดูดจากลิงค์อื่นในฟอนต์ฟอรั่มนะครับ

ป.ล.หน้าปกดึงดูดไปหน่อย แต่ข้างในไม่ใช่แนวนั้นนะเออ
ป.ล.2 ถ้ายังงง แนะนำให้ไปอ่าน หน้านี้ (ของพี่แอน)
ป.ล.3 อ่านผ่านเว็บได้แล้ว ลิงค์อยู่ในฟอนต์ฟอรั่ม

Friday 15 February 2008

วาเลนไทน์2008

บันทึกรักฉบับน่อยๆ

ความจริงไม่มีอะไรเลย ฮ่าๆ
แต่มาอัพเดทไว้สักนิดหน่อย

เป็นวาเลนไทน์ที่แสนวุ่นวาย เพราะต้องส่งโปรเจค
บ้านรกมากๆ เสื้อผ้ากองพะเนินที่รอซัก
จานที่รอล้าง ขยะที่รอเอาไปทิ้ง
และฯลฯ ที่รอจัดระเบียบ T-T

ความวุ่นวาย และรกรุ่งริ่งที่เกิดขึ้น
บวกกับอาการเจ็บตัวก่อนหน้านี้
ทำให้คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ ขึ้นมาจริงจังเป็นครั้แงรก

ลำบาก ในเวลาลำบาก มันเป็นแบบนี้นี่เอง




เรื่องงานก็สะสางกันไปแล้วหนึ่งยก
วันนี้ไปส่งอินโทรเปเปอร์
แล้วพรีเซนท์วันพรุ่งนี้ ก็จะจบยกแรก
จากนั้นก็รอเอาคำติ ไปปรับแก้งาน
เพื่อเตรียมไว้สำหรับวันจัดแสดงอีกที

กว่าจะถึงตรงนี้เล่นเอา กำลังกาย กำลังใจ กำลังภายในหมดสิ้นเลยทีเดียว
แต่ไม่เป็นไร อีกยกเดียว สู้ตายยยยยยย!

ป.ล.ได้ช็อคโกแลตวาเลนไทน์ตั้งสามชิ้นแน่ะ แต่เป็นช็อคโกแลตขอบคุณนะ ฮ่าๆ ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลยล่ะวะ ;)

Tuesday 5 February 2008

ซวย!

เมื่อวานนอนฟังเพลงอยู่ดีๆ เผลอหลับยันเช้า
น้ำไม่ได้อาบ ฟันไม่ได้แปรง ไม่ได้ห่มผ้าอีกต่างหาก
ตื่นมาน้ำมูกย้อยเลย หนาวสุดๆ

อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน
โต้ทกันหนาว ซิปค้าง กระตุกไปกระตุกมา
ด้วยความรีบ และรุนแรง ล่อซะพังเลย T-T

ซวยยังไม่พอ
ขี่จักรยาน แบกของ หูฟังก็ดันหลุดๆ
ก็เลยขี่มือเดียวแล้วเอื้อมมือมาใส่หูฟัง

เลยได้เอาหน้าไปโขกกับกำแพงปูนซะ
คางแตกเลย T-T

ขี่ก็ไม่แข็ง เจือกเสร่ออีก สมน้ำหน้าตัวเองจริงๆ
ไปโรงเรียนต้องไปซื้อพลาสเตอร์อันใหญ่ๆมาแปะคาง
อุบาทว์อย่างแรง...



ไม่ได้เจ็บตัว ไม่ได้แผลมาเสียนาน
รู้สึกแปลก.....

Saturday 2 February 2008

nihone?


กอลลั่ม "นิปปงเอ๊ะ?" เขียนเพื่อไปลงนิตยสาร ฟอนต์
เป็นคอลลัมน์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับญี่ปุ่น ฉบับนี้เขียนเรื่องของขวัญวันวาเลนไทน์

พอดีกับที่ทางเว็บสมาคมนักเรียนไทยในญี่ปุ่น
กำลังรวบรวมบทความพอดี ก็เลยเอาไปส่งทางนู้นด้วย
ได้สองเด้งเลย แหะแหะ

ลองไปอ่านกันได้ที่นี่ครับ

ของขวัญวาเลนไทน์ยอดฮิต
TSAJ สมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น - Saturday, 02 February 2008


ป.ล. เรื่องนิตยสารฟอนต์ถ้าเปิดตัวแล้ว จะเอามาบอกอีกทีนะ อยากให้อ่านอย่างมากๆ มันต้องสนุกแน่ๆเลย

Monday 28 January 2008

ใบไม้แดง 2007


รวมรูปใบไม้แดง จากที่ต่างๆ ในช่วงเดือน 11 ปี 2007 ครับ

ดูปีไม่ผิดหรอกครับ 2007 นี่แหล่ะ
(เพราะว่า นี่คือรูปดองอีกแล้ววววว -_-a)





......................................
แจ้งข่าวถึงพี่น้องกันสักเล็กน้อย
ขอหยุดอัพเดท สักระยะหนึ่ง เนื่องจากภารกิจการเรียน
กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าจะจบหรือไม่จบ -_-"
(ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็โอเคแบบเฉียดฉิวแหล่ะครับ)

เหนื่อยมากกกกกก แต่ก็ต้องลุยให้สุดๆ
ยังไงก็ยกสุดท้ายแล้ว :)

Sunday 27 January 2008

23 แล้วครับ

วันเกิดปีนี้ มีอะไรดีๆ เยอะเลย
อย่างแรก อายุครบ 23 แล้ว รู้สึกเริ่มกลัวจะแก่แล้วหุหุ

วันนี้ไปกินเลี้ยงส่งรุ่นพี่คนนึง ตอนแรกว่าจะไม่ไป
เพราะว่างานเยอะมาก แต่วันเสาร์ทำจนถึงดึกๆ
เลยพอไปได้ ก็เลยเปลี่ยนใจ

ไปถึงกินฟรีอีกต่างหาก พี่ปอยเลี้ยงให้ในฐานวันเกิด
แล้วทุกคนก็ร้องแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้ด้วย
มีคนแซวว่า เขินจนดำ ฮ่าๆ

เสร็จแล้วก็ไปต่อที่คาราโอเกะ ด้วยสมาชิกหกคน
(ที่เหลือแยกไปกินเหล้า และกลับบ้าน)
สนุกดี พี่เปี๊ยก กับพี่หลิง อู๋ แล้วก็แก๊งสามสาวของเป้

สนุกดี พี่เปี๊ยกแม่งร้องเพลงเก่ง เพราะอีก
ส่วนเราเหรอ ดันเลือกเพลงที่ร้องไม่ได้มาร้องเป็นเพลงแรก
ฉลองความหมีกันตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว

วันนี้ได้คุยกับไอ้ชิน ไอ้วิฑูรย์ ไอ้พัด ไอ้แม้ว
เรื่องค้างคาก็หมดไปหลายเรื่อง จะมีอะไรดีขึ้นหรือเปล่า...ไม่รู้
แต่ที่แน่ๆ สบายใจมาก แค่นี้ก็พอแล้ว

อีกไม่นานก็จะกลับไทยแล้ว
อยากเริ่ม อยากทำอะไรดีๆ อยากให้ชีวิตมันดีขึ้นในทุกๆเรื่อง
อยากเต็มที่กับมัน ตั้งใจไว้มากเลยจริงๆ

ช่วงนี้ชีวิตมีความสุขมากครับ


ป.ล.ช่วงนี้หิมะตกบ่อยมาก หนาวนะว้อย อยากเล่นสกีด้วย แต่งานก็ยังไม่เสร็จ มีคนมาชวนก็อดไป เสียดายนะว้อยยยย ถ้าส่งงานเสร็จแล้วจะรีบไปเล่นทิ้งทวนทันที

Friday 25 January 2008

ไอ้อืดดด

เราขี่จักรยานไปเรียนทุกวัน
วันไหนฝนตก หิมะโปรย ก็จะนั่งรถไฟแทน

เส้นทางไป-กลับ เหมือนเดิมทุกๆวัน
ผ่านไปสองปี ผู้คนคุ้นตา ถนนที่คุ้นเคย
และหมาตัวหนึ่ง ที่ทำให้เรายิ้มได้ทุกครั้งที่เห็นมัน

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เจอเจ้าหมาตัวนี้
มันเป็นหมาของร้านเหล้า เล็กๆร้านนึง
มันชอบมานอนแผ่อยู่หน้าร้าน

จะฝนตก แดดออก หนาว ร้อนแค่ไหน
มันก็นอนอยู่ตรงนั้นตลอดปี

หลายครั้งที่มันนอนแผ่หรา จนขวางทางเท้า
บ่อยครั้งที่เราต้องชลอ แล้วค่อยๆเข็นจักรยานผ่านมันไป
เพราะกลัวว่าจะเฉี่ยวมัน (ทั้งๆที่มันนอนผิดที่นะนี่)

แล้วก็มีหลายครั้งที่เจ้าของต้องมาเข็นมันเข้าบ้าน
เห็นแล้วมันอดขำไม่ได้...

เราตั้งชื่อมันว่าไอ้อืดดด
เพราะมันไม่ค่อยจะทำอะไร เอาแต่นอน
ขยับตัวทีก็อืดดดดมาก

ดูเหมือนหมาโง่ๆ ทึ่มๆตัวนึง
แต่มันน่ารักดี

เห็นมันทีไร อดอมยิ้มไม่ได้
เขียนไว้เพราะไม่อยากลืม

พอเห็นไอ้อืดดด มันทำให้เรานึกถึงไอ้แป๊บซี่
(หมาตัวแรกของเรา นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยประถมนู่น...)

วันนี้คิดถึงแป๊บซี่มากๆ

Sunday 20 January 2008

กลับคืน

"สิ่งที่หายไป ยังมีโอกาสได้คืนราวปาฏิหารย์ แต่สิ่งที่เราทิ้งไป เราจะไม่มีวันได้มันคืนมาอีกเลย"

จากบล็อก พี่ABC

Wednesday 16 January 2008

รูปดองทริปโกเบ


อัลบั้มรูปตอนไปไปเที่ยวที่โกเบ กับแก๊งเด็กศิลปกร
งานนี้กุ๊กไก่เป็นดาวเด่น แทนเพื่อนที่มาจากโตเกียวเสียอีก

Friday 11 January 2008

เพื่อนของเราชื่อความเหงา





ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก จากอู๋
ชอบมาก

ฟังก็เหงา ไม่ฟังก็เหงา
แต่ฟังแล้ว เหงาแบบมีความสุข...นะ

Thursday 10 January 2008

-10°C

กลับมาจากทริปฮอกไกโดแล้ว
และคาดว่าน่าจะเป็นทริปสุดท้ายที่ญี่ปุ่นด้วย

มีอะไรดีๆ เยอะครับ
ทั้งเรื่่องเที่ยว ทั้งเรื่องส่วนตัว

ไม่มีรูปดีๆ มาอวดเลย ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไร
เพราะหนาวมากจนไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปไปเลย หนาวตั้งลบสิบแน่ะ
วิวสวยๆ ตอนนั่งรถ ก็เอาแต่หลับ เพราะมันอุ่น และเหนื่อย

แต่ได้กินของที่อยากกิน ได้เที่ยวเล่น ทำสิ่งที่อยากทำ
ได้คุยกันแบบต๊องๆ ระคนปรึกษาปัญหาชีวิต
ได้ของฝากดีๆ มาให้คนที่อยากให้ และนึกถึง

มีความสุขดีครับ




การปล่อยความคิด ให้ไหลไปเอื่อยๆ
ดูเหมือนจะไร้ค่า ไร้สาระ แต่กลับให้อะไรมากทีเดียว

Saturday 5 January 2008

สวัสดีปีใหม่2008


สวัสดีปีใหม่ ทุกๆคนนะครับ
ไม่ได้อัพรูปนานมากแล้ว เลยถือโอกาสปีใหม่นี้
จะอัพให้บ่อย ให้เยอะขึ้น จะเก็บไว้ที่มัลติพลายอันใหม่(อันเก่าพัง T-T)

ลิงค์นี้เลยครับ http://darkangulars.multiply.com
ป.ล.กดที่รูปเพื่อดูอัลบั้มเต็มได้เลย (ทริปฉลองปีใหม่)

ในรถคันนั้น

ในรถโตโยต้าเหลี่ยมๆ สีขาว คันหนึ่ง
คนสามคนนั่งมาด้วยกัน

ผู้ชายขับรถหนึ่งคน
ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งข้างคนขับ
ผู้ชายหนึ่งคนนั่งหลัง

คนสามคนนั่งมาด้วยกัน

ฉันสนิทกับพี่เขา แบบพี่ชาย
ฉันสนิทกับพี่อีกคน แบบพี่สาว
พี่สองคนสนิทกับฉัน แบบน้องชาย

คนสามคนนั่งมาด้วยกัน

ในความเงียบ เธอวางมือบนตักเขา
ที่สี่แยกไฟแดง เขาบีบมือเบาๆ
ฉัน...ยิ้ม

ในความมืด
ในอากาศหนาว
ในรถคันนั้น

ฉันรู้สึกถึงไออุ่นจาก "ความรัก"